นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ "จับคู่กู้เงิน ลุยตลาด RCEP" โดยระบุว่า โครงการนี้ เป็นนโยบายหนึ่งของกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้เคยมอบหมายให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เป็นเจ้าภาพร่วมกับธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดโครงการที่ดำเนินการมาถึง 3 Lot
โดย Lot 1 จับคู่กู้เงิน สถาบันการเงินกับร้านอาหาร โดยได้รับความร่วมมือจากสถาบันการเงินหลายแห่งมาช่วยต่อลมหายใจในรูปแบบเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเงื่อนไขพิเศษ และมี บสย.มาช่วยให้บรรลุเป้าหมายซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ตั้งแต่เดือน มิ.ย. 64-ต.ค.64 สามารถปล่อยกู้ให้กับร้านอาหารทั่วประเทศได้ถึง 2,895 ราย วงเงิน 2,627 ล้านบาท
Lot ที่ 2 จับคู่กู้เงิน สถาบันการเงินกับ SMEs ส่งออก ช่วงเดือน ก.ค. 64 - 28 ก.พ.65 ปล่อยกู้ได้ 611 รายวงเงิน 4,000 กว่าล้านบาท และครั้งนี้ถือเป็น Lot ที่ 3 ด้วยการจับคู่กู้เงินระหว่าง EXIM BANK กับผู้ประกอบการที่จะบุกตลาด RCEP ซึ่งมีทั้ง SMEs วิสาหกิจชุมชน สตาร์ทอัพและอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้มีโอกาสได้สินเชื่อเงื่อนไขผ่อนปรนพิเศษไปต่อยอด เพื่อบุกตลาดความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP)
ทั้งนี้ ความตกลง RCEP ได้เริ่มมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 65 ซึ่ง RCEP เป็น FTA ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีประชากรรวมกันประมาณ 1 ใน 3 ของประชากรโลก GDP ประมาณ 1 ใน 3 ของ GDP โลก ที่สำคัญการค้าทั้งหมดของไทยที่มีกับโลกเป็นการค้าของไทยกับกลุ่มประเทศ RCEP 14 ประเทศถึงกว่าครึ่งหนึ่ง การเตรียมการสำหรับการบุกตลาดอย่างเป็นรูปธรรมจึงมีความสำคัญในการนำรายได้เข้าประเทศต่อไป อย่างไรก็ดี คาดว่า RCEP จะมีผลใช้บังคับครบทั้ง 15 ประเทศโดยเร็ว
"โครงการจับคู่กู้เงิน ลุยตลาด RCEP จะเป็นหัวใจสำคัญอีกประการหนึ่ง ซึ่งจะช่วยให้สิ่งนี้เป็นจริงได้ในอนาคตอันใกล้ สำหรับการจับคู่กู้เงินครั้งนี้ต้องขอขอบคุณ EXIM BANK ที่เงื่อนไขผ่อนปรนมาก และดอกเบี้ยปกติในตลาดประมาณ 5.75% แต่โครงการนี้เหลือแค่ 2.75% ต่อปีในปีแรก วงเงินรายละไม่เกิน 50 ล้านบาท และที่สำคัญทันทีที่รับคำขอ จะมีคำตอบใน 7 วันทำการ ได้เตรียมวงเงินไว้กว่า 3,000 ล้านบาท สำหรับโครงการครั้งนี้ และ บสย.มาช่วยค้ำประกันให้ ภายใต้เงื่อนไขของบริษัทที่ผ่อนปรน" รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ กล่าว
อย่างไรก็ดี โครงการนี้ จะเดินสายทั้งในกรุงเทพฯ และในอีก 4 ภาคด้วย เพื่อเปิดโอกาสให้ SMEs สตาร์ทอัพในต่างจังหวัดได้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้คล่องตัวสะดวกขึ้น และจะมีระบบออนไลน์ในการยื่นเงื่อนไขเพื่อให้สะดวกขึ้น