นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ กล่าวภายหลังประชุมร่วมกับภาคเอกชนเพื่อเตรียมความพร้อมฟื้นความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบียหลังรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ตั้งเป้าหมายเพิ่มมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยไปซาอุดิอาระเบียในปี 65 เพิ่มขึ้น 6.2% จากปี 64 ที่มีการส่งออกมูลค่า 51,500 ล้านบาท โดยได้วิเคราะห์ร่วมกันแล้วเห็นว่าสินค้าไทยที่มีโอกาสส่งออกไปยังซาอุฯ เพื่อทำรายได้เข้าประเทศมี 3 กลุ่ม คือ เกษตร อุตสาหกรรม และบริการ
กลุ่มสินค้าเกษตรที่มีศักยภาพ เช่น อาหารฮาลาล ข้าว ไก่สด ผลไม้ เนื้อปลา กาแฟ ขนมจากน้ำตาล อาหารปรุงแต่งจากธัญพืช อาหารสัตว์เลี้ยง ซอสปรุงรส อาหารแห่งอนาคต เป็นต้น ส่วนกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม เช่น รถยนต์และอุปกรณ์ ยางรถยนต์ เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น ตู้แช่แข็ง เครื่องใช้ไฟฟ้า อัญมณีและเครื่องประดับ ขณะที่บริการ เช่น การให้บริการทางการแพทย์ โรงพยาบาล สถานพยาบาล โรงแรม และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว
"สินค้าที่มีอนาคตมากที่สุด คือ ข้าว เพราะซาอุฯ นำเข้า 100% ปีละ 1.2-1.6 ล้านตัน โดย 80% นำเข้าจากอินเดีย ที่เหลือนำเข้าจากปากีสถาน สหรัฐฯ เวียดนาม ส่วนไทยนำเข้าน้อยมากแค่ 2% จึงมีโอกาสเพิ่มได้
ส่วนไก่ ซาอุฯ เลี้ยงเอง 60% โดยปี 63 มีการบริโภค 1.48 ล้านตัน ส่วนใหญ่นำเข้าจากบราซิล ที่เหลือเป็นยูเครน และฝรั่งเศส ไทยมีศักยภาพส่งออกได้ แต่ยังติดขัดเรื่องการมาตรวจรับรองโรงงาน โดยล่าสุดตรวจแล้ว 11 โรงงาน ส่วนปัญหาตราฮาลาลของไทยที่ซาอุไม่ให้การรับรอง, ปัญหาที่ซาอุไม่ประกาศรับรองให้ไทยปลอดไข้หวัดนก และการออกมาตรฐาน GSO 993 (การตรวจรับรองมาตรฐานฮาลาล ของกลุ่มความร่วมมืออ่าวอาหรับ) ที่รอประชุมคณะมนตรีความร่วมมือแห่งรัฐอ่าวอาหรับ 7 ประเทศ และมีซาอุดิรวมอยู่ด้วย ซึ่งได้มอบให้กระทรวงการต่างประเทศ กรมปศุสัตว์ ประสานกับทางการซาอุ เพื่อเร่งแก้ปัญหาที่ติดขัดให้จบ เพราะถ้าจบ ก็จะส่งออกไก่ได้ทันที ซึ่งเอกชนพร้อมอยู่แล้ว" นายจุรินทร์ กล่าว
ที่ประชุมยังเห็นชอบให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมทางการค้า (เจทีซี) ไทย-ซาอุดีอาระเบีย เพื่อเป็นเวทีเจรจาการค้าระหว่างกันอย่างเป็นทางการ และนำไปสู่การจัดทำความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ระหว่างกันในอนาคต ซึ่งเป็นเรื่องที่ภาคเอกชนต้องการ และจะเร่งจัดคณะผู้แทนการค้าและนักธุรกิจจากไทยไปเยือนซาอุ และจากซาอุมาเยือนไทย เพื่อเจรจาการค้าและกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกัน
พร้อมกันนั้นได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้า และบริการไทย ในตลาดซาอุในทุกรูปแบบ เพื่อให้เกิดการซื้อขายมากที่สุด เร็วที่สุด รวมทั้งจะจัดสัมมนาให้ข้อมูล ความรู้แก่ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะเอสเอ็มอี กลุ่มเป้าหมายหลัก และจัดทำระบบข้อมูลตลาดซาอุเชิงลึก รวมถึงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลให้เอกชนนำไปใช้
ด้านนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ภาคเอกชนมีความมั่นใจว่าหลังจากกระทรวงพาณิชย์เข้ามาช่วยปลดล็อกปัญหาต่างๆ จะทำให้มีโอกาสมากมายที่จะช่วยเร่งรัดการส่งออกไปยังซาอุ โดยเฉพาะสินค้าข้าวที่มีจะส่งออกได้เพิ่มขึ้นแน่นอน เพราะปัจจุบันเริ่มมีคนไทยไปทำงานที่ซาอุแล้ว ทำให้มีความต้องการบริโภคข้าวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย นอกเหนือจากการบริโภคของชาวซาอุฯ