องค์กรเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ (OECD) เปิดเผยว่า แม้ตลาดเหล็กกล้าทั่วโลกจะยังคงความแข็งแกร่ง แต่แนวโน้มการขยายตัวในปีหน้ากลับมีไม่มากเท่าที่ควรเนื่องจากเศรษฐกิจโลกกำลังอยู่ในภาวะชะลอตัว
ริซาบูโร่ เนซู ประธานคณะกรรมการด้านเหล็กกล้าของ OECD กล่าวว่า "ในความเป็นจริงแล้ว อุปสงค์เหล็กกล้าควรขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในปีหน้า อย่างไรก็ตาม สภาพเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาในตลาดอสังหาริมทรัพย์อาจทำให้การขยายตัวลดลงบางส่วน"
เนซูกล่าวว่า การขยายกำลังการผลิตเหล็กกล้าในหลายประเทศทั่วโลกอาจส่งผลต่อราคาถ้าอุปสงค์เหล็กกล้าเกิดการชะลอตัวลงอย่างมาก
โดยในปีนี้อุปสงค์ทั่วโลกลดลง การอุปโภคในอเมริกาเหนือก็ลดลง ส่วนการอุปโภคในยุโรปก็ราบเรียบไม่มีการขยายตัว อย่างไรก็ตาม การอุปโภคยังคงขยายตัวอย่างรวดเร็วในประเทศเศรษฐกิจใหม่
ในขณะเดียวกัน การผลิตเหล็กดิบมีการขยายตัวกว่า 98 ล้านตัน หรือราว 8% สู่ระดับ 1,330 ล้านตันในปีนี้
OECD ระบุว่า ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดเหล็กกล้ามีอยู่มากมาย ทั้งความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ กำลังการผลิต ปัญหาเกี่ยวกับการซื้อขาย และค่าวัตถุดิบ รวมถึงการชะลอตัวในตลาดอสังหาริมทรัพย์สหรัฐและผลกระทบที่มีต่อตลาดอื่นๆ ทั้งผลกระทบทางตรงต่ออุตสาหกรรมการก่อสร้างและผลกระทบทางอ้อมต่อผู้บริโภคซึ่งต้องใช้สินค้าที่ทำจากเหล็ก
OECD คาดการณ์ว่า กำลังการผลิตเหล็กกล้าจะเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งทั่วโลก เนื่องจากรัฐบาลหลายประเทศสนับสนุนให้มีการลงทุนในอุตสาหกรรมเหล็กกล้าเพื่อรองรับความต้องการด้านระบบโครงสร้างพื้นฐานและอุปสงค์จากภาคอุตสาหกรรมที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียล รายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--