นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในเดือนมกราคม 2565 มียอดยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศ จำนวน 7,972 ราย เพิ่มขึ้น 9% จากเดือนมกราคม 2564 และเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากเดือนธันวาคม 2564 มูลค่าทุนจดทะเบียน 29,081 ล้านบาท
โดยประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 914 ราย คิดเป็น 11% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 318 ราย คิดเป็น 4% และอันดับ 3 คือ ธุรกิจขนส่งและขนถ่ายสินค้า จำนวน 244 ราย คิดเป็น 3%
ขณะที่มียอดธุรกิจเลิกประกอบกิจการในเดือนมกราคม 2565 จำนวน 999 ราย ลดลง 10% จากเดือนมกราคม 2564 และลดลง 83% จากเดือนธันวาคม 2564 คิดเป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 2,447 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการเลิกกิจการในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
โดยประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 89 ราย คิดเป็น 9% รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 47 ราย คิดเป็น 5% และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 27 ราย คิดเป็น 3%
ส่งผลให้ ณ วันที่ 31 มกราคม 2565 มีธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศทั้งสิ้น จำนวน 816,033 ราย คิดเป็นมูลค่าทุน 19.56 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 198,149 ราย คิดเป็น 24.28% บริษัทจำกัด จำนวน 616,566 ราย คิดเป็น 75.56% และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,318 ราย คิดเป็น 0.16%
นายทศพล กล่าวว่า ยอดจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ในเดือนมกราคม 2565 สูงสุดในรอบ 10 ปี ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยของการเพิ่มขึ้นในประเภทธุรกิจที่เป็นธุรกิจหลักของประเทศไทย คือ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป โดยมีสัดส่วนประมาณ 11.5% ของจำนวนธุรกิจจัดตั้งทั้งหมดในเดือนมกราคม และเมื่อพิจารณาถึงผลกระทบในแต่ละธุรกิจต่อภาพรวมการจดทะเบียนโดยรวม พบว่า ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ส่งผลกระทบต่อการเพิ่มขึ้นของการจดทะเบียนถึง 5% รองลงมา เป็นธุรกิจที่ได้รับผลเชิงบวกจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 คือ ธุรกิจเกี่ยวกับการปลูกพืชสมุนไพร ส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของการจดทะเบียนประมาณ 2% ตามด้วยธุรกิจขายส่งสินค้าทั่วไป ที่ส่งผลต่อการเพิ่มขึ้น 1.5%
ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 คาดว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ยังคงสร้างความกังวลให้ผู้ประกอบการในประเทศ แต่อัตราเข้ารักษาในโรงพยาบาล และอัตราการเสียชีวิตไม่สูงเทียบเท่าสายพันธุ์อื่น จะทำให้ผู้ประกอบการผ่อนคลายความกังวลลงได้ อีกทั้งการระดมฉีดวัคซีนในปีที่ผ่านมา และโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของภาครัฐ เช่น โครงการคนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจ และหลายธุรกิจสามารถปรับตัวตามสถานการณ์ทางธุรกิจได้เป็นอย่างดี
ดังนั้น กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจึงคาดการณ์ว่า การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 จะอยู่ที่ประมาณ40,000 - 42,000 ราย และตลอดทั้งปี 2565 อยู่ที่ประมาณ 70,000 - 75,000 ราย