นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ลดดอกเบี้ยลง 0.25% ก็ยังไม่พบว่ามีเงินทุนไหลเข้ามากผิดปกติแต่อย่างใด แต่สาเหตุที่ทำให้บาทแข็งในระยะนี้น่าจะมาจากการขายดอลลาร์ของผู้ส่งออก ประกอบกับมีบริษัทไทยที่ไปลงทุนในต่างประเทศนำเงินปันผลกลับเข้ามาก่อนสิ้นปี
ส่วนผลกระทบจากการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดที่มีต่อตลาดหุ้นไทยในวันนี้ ทำให้ดัชนี SET ปรับตัวลดลงตามแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่น ๆ ในภูมิภาคและตลาดหุ้นสหรัฐ คาดว่าจะเป็นแค่เพียงสถานการณ์ในระยะสั้น แต่ยังต้องรอดูต่อไป
นางธาริษา กล่าวว่า การที่เฟดปรับลดดอกเบี้ยลงเพียง 0.25% แม้จะทำให้ตลาดจะผิดหวังว่าเป็นอัตราที่ลดลงน้อยเกินไป แต่เชื่อว่าเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดแล้ว เพราะเฟดคงมีข้อมูลมากกว่าที่ตลาดเห็น จึงควรต้องเคารพการตัดสินใจดังกล่าว ส่วนผลจะเป็นอย่างไรคงต้องดูต่อไป แต่ก็เชื่อว่าปัญหาซับไพร์มยังคงมีผลกระทบต่อเนื่องเป็นระลอก โดยเฉพาะตั้งแต่เดือนก.พ.51 เป็นต้นไปหลังจากพ้นระยะการคิดอัตราดอกเบี้ยคงที่
อย่างไรก็ตาม จากถ้อยแถลงของเฟด เชื่อว่ากระทรวงการคลังและรัฐบาลสหรัฐคงจะต้องมีมาตรการอื่น ๆ ออกมาบรรเทาผลกระทบของปัญหาซับไพร์มอีกแน่นอน
ส่วนผลกระทบต่อประเทศไทยนั้น นางธาริษา มองว่า การส่งออกของไทยคงจะได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว แต่การส่งออกของไทยคงจะชะลอตัวไม่มากนัก โดยจะเห็นได้จากช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะไตรมาส 3/50 ที่เคยคาดว่าการส่งออกจะชะลอตัว แต่ความเป็นจริงกลับขยายตัวได้ดี ประกอบกับเมื่อดูแนวโน้มราคาสินค้าส่งออกของไทยก็ยังน่าจะมีทิศทางที่เพิ่มขึ้น เช่น ข้าว
ขณะที่ผลกระทบต่ออัตราดอกเบี้ยในประเทศนั้น ธปท.ก็ดูแลอยู่อย่างใกล้ชิด โดยพิจารณาจากทั้งปัจจัยในประเทศและปัจจัยต่างประเทศ โดยปัจจัยในประเทศจะเป็นส่วนประกอบแต่ดูปัจจัยในประเทศเป็นหลัก
--อินโฟเควสท์ โดย อภิญญา วุฒิเมธากุล/ศศิธร/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--