นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า นโยบายของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในด้านการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โดยใช้กลยุทธ์ BCG Model หรือเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจสีเขียว เศรษฐกิจหมุนเวียน Bio Circular Green Economy ในการขับเคลื่อนการส่งออกอาหารไทย โดยมีกลุ่มสินค้าอาหารแห่งอนาคต (Future Food) เป็นสินค้าเป้าหมาย ซึ่งประกอบด้วย อาหารฟังก์ชัน (Functional Food) อาหารใหม่ (Novel Food) อาหารทางการแพทย์ (Medical Food) และอาหารออร์แกนิก (Organic Food) นั้น กลุ่มสินค้าดังกล่าว นอกจากจะเป็นไปตามแผนงานและมีโอกาสในการขยายตลาดส่งออกได้เพิ่มขึ้นแล้ว ยังเป็นสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความยั่งยืน กำลังเป็นที่ต้องการและเป็นเทรนด์ใหม่ของโลก สอดรับกับนโยบาย "BCG Economy" ของรัฐบาล ดังนั้น ทั้งผู้ผลิตและผู้ส่งออกจึงควรให้ความสำคัญในการศึกษาแนวโน้มตลาด และวางแผนในการทำตลาดส่งออกเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ได้จัดกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจกลุ่มสินค้าดังกล่าว ในรูปแบบออนไลน์ (Online Business Matching : OBM) ระหว่างวันที่ 16-18 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการหาตลาดเป้าหมายในต่างประเทศ เพื่อรองรับสินค้าอาหารและผลิตภัณฑ์การเกษตร พัฒนา และส่งเสริมการขายสินค้า BCG กลุ่มอาหารแห่งอนาคต (Future Food) ของผู้ประกอบการไทยไปยังตลาดโลก
ล่าสุด ได้รับรายงานจากสำนักส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ว่า กิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจในรูปแบบออนไลน์ (OBM) ดังกล่าว ได้ผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก มีผู้ประกอบการไทยสินค้า BCG กลุ่มอาหารแห่งอนาคต (Future Food) เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวเป็นจำนวน 37 ราย ได้จับคู่เจรจาธุรกิจกับผู้ซื้อ/ผู้นำเข้า จำนวน 100 บริษัท จาก 32 ประเทศทั่วโลก มีการจับคู่เจรจาฯ รวมทั้งสิ้น 359 คู่ โดยประเทศที่ขอจับคู่เจรจามากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1) อินเดีย 2) เมียนมา 3) ญี่ปุ่น 4) เวียดนาม 5) ฟิลิปปินส์ และสินค้าที่ได้รับความสนใจมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1) เนื้อจากพืช 2) เส้นก๋วยจั๊บ 3) หนังปลาทอดกรอบ
ทั้งนี้ การจับคู่เจรจาส่งผลให้เกิดมูลค่าการสั่งซื้อสินค้า BCG กลุ่มอาหารแห่งอนาคต (Future Food) รวมทั้งสิ้นกว่า 3,450 ล้านบาท นอกจากนี้ จากการประเมินผลการจัดกิจกรรม ผู้นำเข้าต่างประเทศให้ความสนใจสินค้า BCG กลุ่มอาหารแห่งอนาคต (Future Food) ของไทยเป็นอย่างมาก เพราะมีความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์อาหารจากประเทศไทย มีความต้องการนำเข้าสินค้าใหม่เพื่อตอบสนองพฤติกรรมของผู้บริโภคเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคกลุ่มต่างๆ เช่น วีแกน และโปรตีนจากพืช รวมถึงความต้องการสินค้าตามฤดูกาล และการใช้เป็นวัตถุดิบของเมนูอาหารไทย
ประกอบกับสินค้า BCG กำลังเป็นกระแสนิยมทั่วโลกและมากยิ่งขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคมีความตื่นตัวด้านการรักษาสุขภาพ การสร้างภูมิคุ้มกันต่อร่างกาย การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม รวมถึงการคำนึงถึงสวัสดิภาพสัตว์ นอกจากนี้ ยังเป็นการยกระดับรายได้ให้กับเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนในท้องถิ่นอย่างยั่งยืน เนื่องจากมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการเพาะปลูกพืชวัตถุดิบ เช่น ถั่วเหลือง ถั่วลันเตา ข้าวสาลี เห็ด สาหร่าย และพืชตระกูลถั่วอื่นๆ เข้าสู่อุตสาหกรรมสินค้าเนื้อสัตว์จากพืชอีกด้วย
ด้านนายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า การดำเนินโครงการส่งเสริมการขายสินค้าดังกล่าว เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยมีโอกาสในการเข้าร่วมกิจกรรมเจรจาธุรกิจออนไลน์ และนำเสนอสินค้าไปยังกลุ่มผู้ซื้อเป้าหมายในประเทศต่างๆ ทั่วโลก และกรมฯ มีแผนการผลักดันกลุ่มสินค้า BCG กลุ่มอาหารแห่งอนาคต (Future Food) อย่างต่อเนื่อง
โดยกิจกรรมครั้งต่อไป จะจัดในรูปแบบ Showcase แสดงสินค้าและการเจรจาธุรกิจออนไลน์ ภายในงานแสดงสินค้า THAIFEX - ANUGA ASIA 2022 "The Hybrid Edition" ระหว่างวันที่ 24-28 พฤษภาคม 2565 ทั้งนี้ คาดหวังว่าสินค้าไทยจะสามารถส่งออกไปจำหน่ายในตลาดประเทศเป้าหมายได้มากขึ้น
"แนะนำให้ผู้ผลิตและผู้ส่งออก ควรให้ความสำคัญในการศึกษาแนวโน้มตลาด ปรับตัวรับกับสถานการณ์โลก ลงทุนและเน้นการวิจัยและพัฒนาสินค้าของบริษัท โดยแสวงหาผลผลิตทางการเกษตร เพื่อนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าอาหารแห่งอนาคต ลดการพึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบ ส่วนประกอบนำเข้าจากต่างประเทศ เพื่อลดต้นทุนการผลิตต่อหน่วย และควรวางแผนในการทำตลาดส่งออกเพิ่มขึ้นต่อไปในอนาคต" นายภูสิต กล่าว