ปตท.ขยายเวลาโครงการส่งเสริมติดตั้งอุปกรณ์เอ็นจีวีในรถยนต์อีก 2 เดือน

          บมจ.ปตท. (PTT) จะขยายเวลาโครงการส่งเสริมการใช้ก๊าซธรรมชาติ(เอ็นจีวี)เป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์ออกไปอีก 2 เดือน จากเดิมที่จะหมดเขตในสิ้นปีนี้ เพื่อจูงใจให้ประชาชนหันมาใช้ก๊าซเอ็นจีวีมากขึ้น โดยตั้งเป้าปี 54 จะมียอดรถยนต์ใช้ก๊าซเอ็นจีวีราว 257,000 คัน
          นายปุณณชัย ฝูตระกูล ผู้จัดการฝ่ายตลาด ก๊าซธรรมชาติสำหรับรถยนต์ กลุ่มธรุกิจ สำรวจและผลิตก๊าซธรรมชาติ PTT กล่าวว่า บริษัทจะขยายเวลาการให้ส่วนลด 10,000 บาท สำหรับผู้ที่ใช้เงินสดจ่ายค่าติดตั้งอุปกรณ์สำหรับใช้เอ็นจีวีเป็นเชื้อเพลิง และขยายสินเชื่อ 0% สำหรับผู้ที่ใช้บริการผ่านธนาคารธนชาต บัตรอิออน เฟิร์สช้อย และเคทีซี ซึ่งจะมีราคาค่าติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าวคันละ 40,000-65,000 บาท
          ขณะเดียวกันบริษัทจะเร่งขยายสถานีบริการก๊าซเอ็นจีวีให้เพิ่มมากขึ้น โดยในปีนี้ตั้งเป้าจะมีสถานีบริการให้ครบ 200 แห่งจากปัจจุบันที่มีอยู่ 165 แห่ง เนื่องจากติดปัญหาเรื่องการส่งก๊าซจากสถานีแม่อาจส่งผลให้ต้องชะลอแผนออกไปขยายสถานีบริการออกไป แต่คาดว่าภายในปี 54 จะมีสถานีบริการเพิ่มเป็น 535 แห่ง ขณะที่มีรถยนต์ใช้ก๊าซเอ็นจีวีจำนวน 52,000 คัน หรือเฉลี่ยเพิ่มขึ้นประมาณวันละ 100 คัน คาดว่าในปี 54 จะมีรถยนต์ใช้ก๊าซเอ็นจีวีจำนวน 257,000 คัน ส่วนปริมาณจำหน่ายก๊าซเอ็นจีวีในปีนี้เพิ่มเป็นวันละ 900 ตัน จากวันละ 330 ตันในปีก่อน
          นอกจากนี้ บริษัทยังเร่งสร้างสถานีบริการก๊าซเอ็นจีวีขนาดใหญ่ 20 ตู้จ่าย จำนวน 7 สถานี ในพื้นที่เขตแนวท่อส่งก๊าซธรรมชาติ และสถานีตามปกติขนาด 4 ตู้จ่าย จำนวน 100 สถานีในเขตกรุงเทพฯ และปริมลฑล รวมทั้งเพิ่มจำนวนสถานีแม่อีก 5 สถานี ตามแนวท่อส่งก๊าซธรรมชาติในเขตกรุงเทพฯ และปริมลฑล จากปัจจุบันมีจำนวน 3 สถานี และเพิ่มรถขนส่งก๊าซเอ็นจีวี จำนวน 200 คัน จากปัจจุบันมีอยู่ 277 คัน เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยราคาก๊าซเอ็นจีวีจะตรึงไว้ที่กิโลกรัมละ 8.50 บาทจนถึงสิ้นปีหน้า 
          ด้านนายเมตตา บันเทิงสุข อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการสำรองเอทานอลเพื่อนำมาผลิตเป็นน้ำมันแก๊สโซฮอล์ เนื่องจากปัจจุบันยอดการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอลเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพื่อเป็นการป้องกันเอทานอลขาดแคลน
          ทั้งนี้ โดยหลักการจะทำการสำรองปริมาณเอทานอลจำนวน 5% ของยอดจำหน่ายน้ำมันทั้งหมด แต่จะลดสัดส่วนการสำรองน้ำมันเบนซินลงจะเพิ่มสัดส่วนเอทานอลแทน ซึ่งปัจจุบันมียอดการใช้เอทานอลประมาณวันละ 700,000 ลิตร คาดว่าต้นปีหน้าจะมียอดใช้วันละ 800,000 ลิตร ส่วนการใช้ไบโอดีเซลอยู่ระหว่างการศึกษาการสำรองไบโอดีเซล ซึ่งทั้งหมดจะประกาศบังคับใช้ได้ในต้นปีหน้า