นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. (PTT) เปิดเผยว่า มีความพร้อมที่จะรองรับวิกฤติยูเครน-รัสเซียที่เกิดขึ้นในขณะนี้ โดยได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตลอดจนเตรียมความพร้อมทั้งการจัดหาน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปเพื่อให้มั่นใจว่าประเทศมีพลังงานใช้อย่างเพียงพอและสามารถรองรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ กลุ่ม ปตท.ได้บริหารความเสี่ยงด้านการจัดหาน้ำมันดิบจากหลายแหล่ง โดยดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อมแล้วนั้น ได้แก่ การประสานงานโรงกลั่นกลุ่ม ปตท.ให้สำรองน้ำมันคงคลังในระดับสูงสุด การนำเข้าน้ำมันดิบจากสหรัฐอเมริกาประมาณ 95 ล้านลิตร โดยเก็บไว้ในถังน้ำมันที่ศรีราชา ประสานกับเครือข่ายคู่ค้าเพื่อเตรียมจัดหาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นจากภาวะปกติอย่างน้อยประมาณ 160 ล้านลิตร รวมทั้งการนำปริมาณน้ำมันที่ทำการค้าสากลเข้ามาในประเทศเพื่อสำรองด้านความมั่นคงอีกประมาณ 320 ล้านลิตร
นอกจากนี้ยังมีการบริหารจัดการการขนส่งน้ำมันดิบและนำระบบการติดตามการเดินเรือ (Vessel Tracking) มาใช้เพื่อให้เรือเดินทางตรงเวลา และได้เตรียมความพร้อมถังกรณีต้องจัดเก็บเพิ่มเติม โดยจากการดำเนินมาตรการดังกล่าวทำให้ประเทศมีปริมาณน้ำมันสำรองเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 640 ล้านลิตร
สำหรับการบริหารปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปได้เตรียมความพร้อมจัดหาน้ำมันสำเร็จรูปเพิ่มเติม รวมถึงระงับการส่งออกน้ำมันดีเซลเป็นการชั่วคราว โดยนำเข้าน้ำมันเบนซินเฉลี่ย 30 ล้านลิตรต่อเดือน ในส่วนของน้ำมันเตาได้นำเข้าเพื่อส่งให้กับโรงไฟฟ้าบางปะกงเดือนละ 4,000 ตัน สำหรับ LPG หากมีปริมาณความต้องการใช้เพิ่มมากขึ้น กลุ่ม ปตท.พร้อมที่จะจัดหา Spot LPG เพื่อให้มั่นใจว่ามีปริมาณพลังงานที่เพียงพอต่อความต้องการของประเทศ
นายอรรถพล กล่าวว่า กลุ่ม ปตท.พร้อมเป็นกำลังสำคัญ และปฏิบัติภารกิจอย่างเต็มความสามารถเพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้แก่ประเทศทั้งในภาวะปกติและสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและปฏิบัติการเพื่อความมั่นคงทางพลังงานทันที อย่างไรก็ตาม เสถียรภาพทางพลังงานของประเทศจะเกิดขึ้นอย่างแท้จริงอยู่ที่ทุกคนร่วมมือร่วมใจประหยัดและรู้ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพด้วย