น.ส.นันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยว่า ภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยต่อวัน เดือน ม.ค.65 เพิ่มขึ้น 20.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการใช้กลุ่มเบนซินเพิ่มขึ้น 11.8% กลุ่มดีเซลเพิ่มขึ้น 24.4% น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เพิ่มขึ้น 75.5% น้ำมันก๊าดเพิ่มขึ้น 2.8% น้ำมันเตาเพิ่มขึ้น 40.8% LPG เพิ่มขึ้น 11.7% อย่างไรก็ตาม ขณะที่การใช้ NGV ลดลง 2.7%
การใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินเฉลี่ยอยู่ที่ 30.54 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น 11.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปริมาณการใช้กลุ่มแก๊สโซฮอล์เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 29.91 ล้านลิตร/วัน (เพิ่มขึ้น 12.2%) การใช้แก๊สโซฮอล์ 91, แก๊สโซฮอล์ 95, แก๊สโซฮอล์ อี20 และแก๊สโซฮอล์ อี85 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 7.04 ล้านลิตร/วัน, 15.79 ล้านลิตร/วัน, 6.13 ล้านลิตร/วัน และ 0.95 ล้านลิตร/วัน ตามลำดับ เนื่องจากการผ่อนคลายล็อกดาวน์ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม การใช้น้ำมันเบนซินลดลงมาอยู่ที่ 0.63 ล้านลิตร/วัน เนื่องจากราคาเบนซินที่อยู่ในระดับสูง โดยแตะระดับสูงสุด 42.01 บาท/ลิตร ในช่วงปลายเดือน ม.ค.65 หากพิจารณาการใช้กลุ่มเบนซินเมื่อเทียบกับเดือน ธ.ค.64 พบว่า การใช้ลดลง 9.4% เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนหลังเทศกาลปีใหม่
ด้านการใช้น้ำมันกลุ่มดีเซล เฉลี่ยอยู่ที่ 75.87 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น 24.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี7 การใช้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 62.63 ล้านลิตร/วัน (เพิ่มขึ้น 68.9%) น้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา ซึ่งเริ่มจำหน่ายตั้งแต่ปลายเดือน พ.ค.62 ปริมาณการใช้ลดลงมาอยู่ที่ 3.83 ล้านลิตร/วัน และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี20 มีปริมาณการใช้ 0.23 ล้านลิตร/วัน การใช้ที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นผลจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับมีการใช้น้ำมันดีเซลในการผลิตไฟฟ้า โดยในเดือน ม.ค.65 อยู่ที่ 6.94 ล้านลิตร/วัน
การใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เฉลี่ยอยู่ที่ 6.99 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น 75.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการการบินและการเดินทางเข้าประเทศ เมื่อเทียบกับมาตรการปีก่อนหน้า แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน การใช้น้ำมัน Jet A1 จึงยังอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ
การใช้ LPG เฉลี่ยอยู่ที่ 17.19 ล้านกก./วัน เพิ่มขึ้น 11.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการใช้ในภาคปิโตรเคมีที่สูงขึ้นมาอยู่ที่ 7.54 ล้านกก./วัน (เพิ่มขึ้น 20.9%) และการใช้ในภาคขนส่งที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.90 ล้านกก./วัน (เพิ่มขึ้น 16.7%) นอกจากนี้ การใช้ในภาคอุตสาหกรรมและครัวเรือนเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.96 ล้านกก./วัน (เพิ่มขึ้น 7.1%) และ 5.78 ล้านกก./วัน (เพิ่มขึ้น 1.6%) ตามลำดับ
ส่วนการใช้ NGV เฉลี่ยอยู่ที่ 3.18 ล้านกก./วัน ลดลง 2.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประกอบกับจำนวนสถานีบริการและรถ NGV ที่ลดลง
การนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง เฉลี่ยอยู่ที่ 1,015,944 บาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้น 9.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 926,590 บาร์เรล/วัน (เพิ่มขึ้น 2.6%) ในจำนวนนี้พบว่าเป็นการนำเข้าจากรัสเซีย 1.2% (ปี 64 การนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียคิดเป็น 3.3%) มูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 81,810 ล้านบาท/เดือน (เพิ่มขึ้น 77.5%)
สำหรับการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป (น้ำมันเบนซินพื้นฐาน น้ำมันดีเซลพื้นฐาน น้ำมันเตา น้ำมันอากาศยาน และ LPG) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 89,353 บาร์เรล/วัน คิดเป็นมูลค่าการนำเข้า 7,468 ล้านบาท/เดือน
การส่งออกน้ำมันสำเร็จรูป เป็นการส่งออกน้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล น้ำมันเตา น้ำมันอากาศยาน น้ำมันก๊าด และ LPG โดยปริมาณส่งออกลดลงเล็กน้อย มาอยู่ที่ 150,897 บาร์เรล/วัน (ลดลง 0.8%) คิดเป็นมูลค่าส่งออกรวม 14,575 ล้านบาท/เดือน (เพิ่มขึ้น 74.0%) มูลค่าการส่งออกที่สูงขึ้นนี้ เป็นผลจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นในเดือน ม.ค.65