"อลัน กรีนสแปน" เตือนเศรษฐกิจสหรัฐกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างชัดเจน

          อลัน กรีนสแปน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุ National Public Radio ว่า โอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอย "เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน" และเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐใกล้เข้าสู่ภาวะชะงักงันเต็มที
          เมื่อผู้ดำเนินรายการถามว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีโอกาสที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยหรือไม่ กรีนสแปนตอบว่า "ยังเร็วเกินไปที่จะพูดอย่งนั้น แต่มีข้อมูลบ่งชี้ว่าโอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยนั้น เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน"
          "ที่ผมรู้สึกเช่นนี้ก็เพราะเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงแล้ว และใกล้เข้าสู่ภาวะชะงักงันเต็มที อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐชะลอตัวลงกว่าที่ผ่านมา เหมือนกับผู้ป่วยที่ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายไม่ทำงานและส่งผลกระทบต่อร่างกายทั้งหมด ซึ่งหากเศรษฐกิจชะลอตัวลงในระดับนี้ก็ย่อมลุกลามไปสู่ภาวะถดถอยในอนาคตได้" เขากล่าว
          การแสดงความคิดเห็นของกรีนสแปนมีขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ภายใต้การนำของเบน เบอร์นันเก้ ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นเป็นครั้งที่ 3 เมื่อวันอังคารที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อป้องกันไม่ให้ภาวะตกต่ำในตลาดอสังหาริมทรัพย์และภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อฉุดเศรษฐกิจให้ถดถอยลง ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าความเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นความเคลื่อนไหวที่ท้าทายที่สุดนับตั้งแต่นายเบอร์นันเก้สืบทอดตำแหน่งประธานเฟดต่อจากกรีนสแปนในเดือนก.พ.2549
          นักวิเคราะห์บางกลุ่มตั้งข้อสงสัยว่า เพราะเหตุใดเบอร์นันเก้จึงประวิงเวลาจนเนิ่นนานเกินไปจึงจะตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ย และไม่มั่นใจว่าการตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดเป็นยาแรงพอที่จะคลี่คลายวิกฤติเศรษฐกิจได้หรือไม่
          ระหว่างการให้สัมภาษณ์ครั้งล่าสุดนี้ กรีนสแปนปฏิเสธกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่ว่า การดำเนินงานด้านนโยบายของเขามีส่วนทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์บูมและท้ายที่สุดก็เข้าสู่ภาวะฟองสบู่แตก โดยนักวิเคราะห์หลายคนกล่าวว่ากรีนสแปนตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้นานเกินไปหลังจากเศรษฐกิจสหรัฐตกต่ำในปี 2544
          ทั้งนี้ กรีนสแปนกล่าวทิ้งท้ายว่า "การป้องกันไม่ให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์สหรัฐเผชิญภาวะฟองสบู่แตกนั้น เฟดจะต้องปรับอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับสูงเข้าไว้ ซึ่งดูเหมือนจะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจ แต่ในด้านบวกก็คือ จะทำให้เศรษฐกิจกลับสู่สภาพเดิม" สำนักข่าวเอพีรายงาน