นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย(KBANK) กล่าวว่า จังหวะเวลาที่เหมาะสมจะยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% น่าจะเป็นช่วงปลายปี 51 เนื่องจากเหตุการณ์ต่างๆ ในสหรัฐจะมีความชัดเจนมากขึ้น ขณะเดียวกันดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยจะเกินดุลลดลง ดังนั้นจะทำให้ประเทศไทยไม่ได้รับแรงกดดันจากจุดนี้ที่จะส่งผลให้เงินบาทต้องปรับตัวแข็งค่าขึ้นอีก
"ความเหมาะสมของการจะยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% นั้นต้องคำนึงถึงจังหวะเวลาที่เหมาะสม แต่หากจะยกเลิกในช่วงต้นปีหน้าถือว่าไม่เหมาะสมเพราะเงินดอลลาร์มีแนวโน้มจะอ่อนค่าลงอีกจากที่ยังคงได้รับแรงกดดันมาก ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลใหม่จะสนใจว่าหากยกเลิกมาตรการดังกล่าวจะทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นและเกิดการเก็งกำไรค่าเงินอีกหรือไม่" นายประสาร กล่าว
นายประสาร มองว่า แนวโน้มค่าเงินบาทในปีหน้ายังคงได้รับแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า ขณะที่ในปีหน้าเชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นจะไม่ปรับขึ้นในช่วงต้นปี แต่ดอกเบี้ยระยะยาวได้ทยอยปรับขึ้นไปบ้างแล้วดังเช่น 2-3 เดือนที่ผ่านมาที่ปรับขึ้นจาก 4.3% เป็น 4.6% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายยังคงทรงตัวไปจนถึงปลายปีหน้า ในขณะที่การปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ขึ้นอยู่กับภาวะการแข่งขันและสภาพคล่องของแต่ละสถาบันการเงิน
--อินโฟเควสท์ โดย อภิญญา วุฒิเมธากุล/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--