นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดในประเทศ ปัจจุบันถือว่าทรงตัวและคาดว่าจะมีแนวโน้มดีขึ้นตามลำดับ ทั้งนี้ ในหลายประเทศเริ่มมองไปในแนวทางเดียวกัน ที่ต้องการให้โควิดเป็นโรคประจำถิ่น เช่น ในยุโรปบางประเทศติดเชื้อใหม่วันละหลายหมื่นราย แต่มีการประกาศผ่อนคลายเต็มที่ เพราะเริ่มมั่นใจว่าสายพันธุ์โอมิครอนที่ระบาดมากว่า 2 เดือนรุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์เดลตา ถึงแม้ว่าจะมีการติดเชื้อและแพร่ระบาดเร็วกว่า ส่วนประเทศเวียดนามก็จะประกาศเรื่องโรคประจำถิ่นเร่งขึ้นจากกำหนดการเดิม แม้จะมีการระบาดมากถึง 1-2 แสนคนต่อวัน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนและเดินหน้าเศรษฐกิจ
ดังนั้น ประเทศไทยควรเริ่มมองเรื่องการประกาศให้เป็นโรคประจำถิ่นเร็วขึ้น พร้อมกับทยอยผ่อนผันมาตรการต่างๆ ลง รวมไปถึงผ่อนคลายการจัดกิจกรรมต่างๆ ให้สะดวกมากยิ่งขึ้น เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้ เพราะที่ผ่านมาสภาพเศรษฐกิจของประเทศบอบช้ำมานานพอสมควร ประชาชนและผู้ประกอบการต่างได้รับผลกระทบมามาก สำหรับมาตรการทางสาธารณสุข ก็สามารถปรับระดับได้ตามสถานการณ์เป็นระยะๆ โดยเอกชนก็พร้อมที่จะหารือร่วมกันกับภาครัฐอย่างใกล้ชิดเหมือนกับที่ผ่านมา เพื่อให้การเปิดประเทศกลับมาได้เร็วขึ้น
นายสนั่น กล่าวอีกว่า หอการค้าไทย เห็นว่ารัฐบาลควรเริ่มผ่อนคลายมาตรการเข้าประเทศระบบ Test & Go โดยไม่จำเป็นต้องตรวจ RT-PCR ใน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทางเข้าประเทศ แต่ลดเหลือตรวจ RT-PCR 1 ครั้งในวันที่เดินทางมาถึงประเทศไทย และเสนอให้ลดการกรอกข้อมูลลงระบบ Thailand Pass เพื่อให้เกิดความคล่องตัวทางเศรษฐกิจ ไม่ให้เป็นภาระ และเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับนักเดินทาง
ทั้งนี้ หลายประเทศได้ดำเนินการในลักษณะดังกล่าวแล้ว ซึ่งเชื่อว่าจะสร้างบรรยากาศในการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศได้มากขึ้น โดยหากการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ในวันที่ 18 มี.ค.นี้ มีการประกาศออกมาก็จะสร้างความชัดเจนให้ผู้มีแผนเดินทางด้วย
"การติดเชื้อในปัจจุบันส่วนใหญ่เกิดการจากแพร่ระบาดในประเทศ ดังนั้น การผ่อนคลายมาตรการเพื่อการเปิดประเทศจะทำให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อได้ และไม่เสียโอกาสให้ประเทศคู่แข่งที่จะดึงการค้า การท่องเที่ยว และการลงทุนไป อย่างไรก็ตาม หอการค้าไทย หอการค้าจังหวัด และผู้ประกอบการในพื้นที่ ยังร่วมกันรณรงค์และและกำชับให้ผู้ประกอบการและประชาชน ปฏิบัติตามมาตรการของสาธารณสุข โดยเฉพาะการเว้นระยะห่างเพื่อป้องกันการเกิดคลัสเตอร์ใหม่" นายสนั่น กล่าว