ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียร่วงลงทุกตลาดในช่วงเช้าวันนี้ (13 มี.ค.) โดยตลาดหุ้นโตเกียวร่วงลงหนักสุด เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐที่ชะลอตัวลง ดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง และราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กที่พุ่งทำนิวไฮเหนือระดับ 110 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ดัชนีนิเกอิปิดตลาดเช้าร่วงลง 261.08 จุด หรือ 2% แตะระดับ 12,600.05 จุด หลังจากดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดที่ 12,585.63 จุด ขณะที่ตลาดหุ้นจีนปิดเช้าร่วง 81.28 จุด หรือ 2.00% แตะระดับ 3,988.84 จุด ซึ่งตกลงต่ำกว่าระดับ 4,000 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2550
ส่วนดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดร่วง 497.34 จุด หรือ 2.12% แตะ 22,925.42 จุด ดัชนีเวทเต็ดตลาดหุ้นไต้หวันขยับลง 0.23 จุด แตะที่ 8,435.07จุด และดัชนีสเตรทส์ไทม์ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 19.04 จุด หรือ 0.7% แตะระดับ 2,898.90 จุด
โตชิโอะ ซูมิตะ นักวิเคราะห์จากศูนย์วิจัยโตเกอิ โตเกียว กล่าวว่า "นักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นในตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจเกี่ยวกับมาตรการเพิ่มสภาพคล่อง 2 แสนล้านดอลลาร์ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเมื่อราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กพุ่งขึ้นเหนือระดับ 110 ดอลลาร์/บาร์เรล"
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เฟดประกาศใช้มาตรการในการร่วมมือกับธนาคารกลางของประเทศอื่นๆ ด้วยการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการธนาคารเพื่อบรรเทาภาวะตึงตัวในตลาด โดยเฟดจะเพิ่มวงเงินกู้สูงสุดถึง 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายใต้โครงการ Term Securities Lending Facility (TSLF) พร้อมกับทำสัญญาสว็อปค่าเงินกับธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และธนาคารกลางสวิส และธนาคารกลางสวิส
ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีกและดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) เพื่อดูว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มเป็นเช่นไร
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--