บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า (21-25 มี.ค.) จะมีแนวรับอยู่ที่ 1,665 และ 1,650 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,690 และ 1,700 จุด ตามลำดับ
โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์โควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศ ตัวเลขส่งออกเดือนก.พ. ของไทย ทิศทางเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ตลอดจนสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.พ. ดัชนี PMI เดือนมี.ค. (เบื้องต้น) รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR เดือนมี.ค. ของจีน รวมถึงดัชนี PMI เดือนมี.ค. (เบื้องต้น) ของยูโรโซนและญี่ปุ่น
หุ้นไทยปรับตัวขึ้นจากสัปดาห์ก่อน ทั้งนี้ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงในช่วงแรกท่ามกลางปัจจัยลบ อาทิ วิกฤตรัสเซีย-ยูเครนที่ยังยืดเยื้อ การประกาศล็อกดาวน์ของจีนในหลายเมืองเพื่อสกัดยอดผู้ป่วยโควิดที่พุ่งสูงขึ้น อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นไทยทยอยปรับตัวขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์สอดคล้องกับตลาดหุ้นภูมิภาค โดยมีแรงหนุนจากแรงซื้อกลุ่มนักลงทุนต่างชาติรวมถึงผลการประชุมเฟดซึ่งเป็นไปตามคาดการณ์และมีความชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ กระนั้น ยอดผู้ป่วยโควิดในไทยที่พุ่งขึ้นทำสถิติใหม่จำกัดกรอบการปรับขึ้นของหุ้นไทยช่วงปลายสัปดาห์
วันศุกร์ (18 มี.ค.) ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,678.51 จุด เพิ่มขึ้น 1.24% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 84,357.68 ล้านบาท ลดลง 26.19% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 0.46% มาปิดที่ 621.38 จุด