สมาคมค้าทองคำ รายงานว่า ราคาขายปลีกทอง (ทองคำ 96.5%) ในประเทศ เมื่อเวลา 09.28 น. ปรับขึ้นจากเมื่อวานนี้บาททองคำละ 300 จากวานนี้ โดยราคาทองคำแท่ง รับซื้อเข้าบาททองคำละ 30,850.00 ขายออกบาททองคำละ 30,950.00 ส่วนทองรูปพรรณ รับซื้อเข้าบาททองคำละ 30,289.68 ขายออกบาททองคำละ 31,450.00
บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 24.26 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากหลายปัจจัย ได้แก่
1. ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับยูเครน เนื่องจากการเจรจาระหว่างรัสเซียและยูเครนยังไร้ความคืบหน้าชัดเจน ล่าสุดนายมิไคโล โปโดลยัก ที่ปรึกษาประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน และเป็นผู้นำคณะเจรจาของยูเครน ออกมายอมรับว่าการเจรจาสันติภาพกับรัสเซียกำลังเผชิญความยากลำบากอย่างมาก
ปัจจัยดังกล่าวทำให้นักลงทุนกลับมาปิดรับความเสี่ยง (Risk off) พร้อมเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยในวงกว้างทั้งทองคำและพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ขณะที่แรงซื้อพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยกดดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีให้ปรับตัวลงจากระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 22 พ.ค. 62 ที่ 2.417% สู่ระดับ 2.2844% ซึ่งช่วยหนุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ยอีกทางหนึ่ง
2. ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น หลังมีรายงานว่าบริษัทแคสเปียน ไปป์ไลน์ คอนซอร์เทียม (Caspian Pipeline Consortium -CPC) ของคาซัคสถาน ระงับการส่งออกน้ำมันเนื่องจากประสบความเสียหายจากพายุ
3. การเปิดเผยตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐที่ออกมา "แย่เกินคาด" สถานการณ์ดังกล่าวหนุนให้ราคาทองคำฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในระหว่างวันที่ 1,914.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สู่ระดับสูงสุดบริเวณ 1,948.22 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ดี ราคาทองคำยังคงปรับตัวขึ้นในกรอบ เนื่องจากถูดกดดันจากการแข็งค่าของดัชนีดอลลาร์ท่ามกลางแรงซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัยและการคาดการณ์ว่าเฟดจะเร่งขึ้นดอกเบี้ย จึงเป็นปัจจัยสกัดช่วงบวกทองคำเอาไว้ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำเพิ่ม +4.06 ตัน
สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน, ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการจากมาร์กิต รวมถึงจับตาการประชุมผู้นำนาโตที่กรุงบรัสเซลส์