สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ประเมินผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งรัสเซียและ ยูเครนในเบื้องต้นคาดว่าจะส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยผ่าน 2 ช่องทางหลัก ได้แก่ (1) ผลกระทบต่อเงินเฟ้อ โดยกรณีที่ราคาน้ามันดิบดูไบเพิ่ม สูงขึ้นเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 100 เหรียญต่อบาร์เรล คาดว่าจะทำให้อัตราเงินเฟ้อของไทยในปี 65 จะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 5% และ (2) ผลกระทบต่อ ภาคการท่องเที่ยว เนื่องจากแนวโน้มการลดลงของนักท่องเที่ยวรัสเซียและยุโรป ซึ่งถือเป็นกลุ่มหลักที่เดินทางเข้ามาประเทศไทย
ทั้งนี้ คาดว่าผลกระทบทั้งจากการเพิ่มขึ้นของราคาพลังงานและผลกระทบต่อการท่องเที่ยวจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในปี 65 ขยายตัวได้ต่ำกว่าที่คาดไว้เดิม แต่ยังเชื่อมั่นว่าจะยังสามารถขยายตัวอย่างน้อยได้ไม่ต่ำกว่า 3%
ผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันในกรณีต่าง ๆ (เฉลี่ยทั้งปี 2565)
ราคาน้ำมันดิบดูไบ ราคาขายปลีกดีเซล ประมาณการ GDP ไทย(%) Inflation (%) (เหรียญฯ/บาร์เรล) (บาท/ลิตร) 100 33 3.5 5.0 125 40 3.2 6.2 150 46 3.0 7.2
ทั้งนี้ การประมาณการดังกล่าวอยู่ภายใต้ 1. ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล กรณีที่ไม่มีการอุดหนุนจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงหลัง สิ้นเดือน เม.ย.65 และไม่ต่ออายุมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันหลังวันที่ 20 พ.ค.65
2. ประมาณการเศรษฐกิจเบี้องต้นของ 3 หน่วยงาน คือ สศช., สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และ ธนาคารแห่ง ประเทศไทย (ธปท.) เฉพาะผลกระทบของราคาน้ำมันเท่านั้น
3. ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยตั้งแต่ 1 ม.ค.ถึง 22 มี.ค.65 (YTD) เท่ากับ 94.2เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล