หนังสือพิมพ์นิกเกอิรายงานว่า โตชิบา คอร์ป ของญี่ปุ่น คาดการณ์ว่า บริษัทอาจจะขาดทุนสูงถึง 1 แสนล้านเยนในปีนี้ เนื่องจากบริษัทได้ตัดสินใจยกเลิกธุรกิจ เอชดี ดีวีดี (HD DVD) หลังจากที่สูญเสียอำนาจทางการตลาดให้กับคู่แข่งอย่างโซนี่ คอร์ป ที่ใช้ฟอร์แมทบลูเรย์ (Blu-ray)
"ขณะนี้บริษัทกำลังประมาณการถึงตัวเลขขาดทุนที่อาจจะเกิดขึ้น หากเราต้องทบทวนการรายงานผลประกอบการใหม่ เราจะต้องประกาศในช่วงเวลาที่เหมาะสม" โฆษกหญิงของโตชิบากล่าว
โตชิบาได้ออกมายอมรับเมื่อเดือนที่แล้วว่าได้พ่ายแพ้ในสงครามฟอร์แมทดีวีดีที่ยืดเยื้อมานาน โดยเปิดทางให้กับฟอร์แมทบลูเรย์ ซึ่งได้รับการพัฒนาโดยโซนี่และพันธมิตรต่างๆ จนกลายเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมของเครื่องเล่นดีวีดีและซอฟท์แวร์รุ่นใหม่
โตชิบาซึ่งจะยกเลิกจำหน่ายเครื่องเล่นดีวีดีที่ใช้ฟอร์แมท เอชดี ดีวีดีในสิ้นเดือนมี.ค.นี้ อาจจะขาดทุนกว่า 5 หมื่นล้านเยนจากธุรกิจ เอชดี ดีวีดีเพียงอย่างเดียว และจะประสบภาวะขาดทุนอย่างต่อเนื่องในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับดีวีดี ซึ่งรวมถึงยอดขายเอชดี ดีวีดีที่ลดลง และต้นทุนในการโฆษณา
ทั้งนี้ โตชิบาคาดการณ์ว่า ผลกำไรจากการปฏิบัติงานของกลุ่มบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 2.50 แสนล้านเยน ลดลง 14% จากที่ได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 2.90 แสนล้านเยน
นอกจากนี้ โตชิบาซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทผลิตพลังงานนิวเคลียร์ เวสติ้งเฮาส์ ในสหรัฐ อาจมีผลกำไรเพิ่มขึ้นในธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานและเครื่องใช้ในบ้าน และมีผลกำไรจากการปฏิบัติงานอยู่ที่ 2.584 แสนล้านเยนเมื่อปีที่แล้ว
ทั้งฟอร์แมทบลูเรย์และเอชดี ดีวีดีให้ภาพที่สมจริงและมีคุณสมบัติด้านมัลติมีเดียต่างๆ เหมือนกัน แต่บรรดาบริษัทภาพยนตร์ต้องการมาตรฐานฟอร์แมทดีวีดีเพียงชนิดเดียวเท่านั้น ขณะที่บรรดาผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังไม่มั่นใจที่จะซื้อเครื่องเล่นดีวีดีที่อาจตกรุ่น
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงาน หุ้นโตชิบาปิดร่วงลง 14 เยน หรือ 1.9% แตะที่ 720 เยน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย วณิชชกร ควรพินิจ/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--