นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนา "PROPERTY FOCUS 2022 : MEGA TREND อสังหาฯ รับ NEW NORM" ว่า ทิศทางธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ในปี 65 น่าจะเริ่มฟื้นตัว และขยายตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง จากความต้องการที่อยู่อาศัยใหม่ที่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี ไม่โอเวอร์ซัพพลาย ซึ่งถือเป็นเครื่องสะท้อนให้เห็นถึงสัญญาณเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศที่กลับมาฟื้นตัวได้ดีขึ้น
สำหรับทิศทางของตลาดอสังหาริมทรัพย์หลังจากนี้ มองว่ายังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง สะท้อนจากสินเชื่อสำหรับที่อยู่อาศัยที่เชื่อว่าจะยังเติบโตได้อย่างแน่นอน โดยการเติบโตของภาคอสังหาริมทรัพย์จะอยู่ภายใต้ 3 เรื่องสำคัญ คือ 1. ดิจิทัลเทคโนโลยี ความสะดวกสบายต่าง ๆ ที่จะต้องอยู่ภายในบ้านทั้งหมด การพัฒนาด้านอินฟาสตรัคเจอร์ภายในบ้านถือเป็นเรื่องสำคัญของผู้ประกอบการในภาคอสังหาริมทรัพย์จากนี้ 2. เรื่อง Green การออกแบบที่อยู่อาศัยต่าง ๆ ต้องเน้นการประหยัดพลังงาน ซึ่งจะช่วยให้ผู้อยู่อาศัยประหยัดค่าใช้จ่ายตามไปด้วย และ 3. การออกแบบที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงวัย สอดรับกับแนวโน้มประชากรของไทยที่เข้าสู่ภาวะสังคมสูงวัย
ขณะที่แนวโน้มการปล่อยสินเชื่อในภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังได้มีการหารือกับธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) แล้ว และได้ให้ยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยสำหรับสินเชื่อที่อยู่อาศัยไว้ก่อน เพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยที่ต้องการมีบ้านเป็นของตัวเอง
"ปัจจัยสำคัญสำหรับการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภค ส่วนหนึ่งคืออัตราดอกเบี้ย ขอให้สบายใจว่าได้พูดคุยกับ ธอส. แล้ว ในฐานะที่เป็นกลไกของรัฐ จึงขอให้ยังตรึงอัตราดอกเบี้ยในส่วนนี้ไว้ก่อน โดยจะให้ตรึงอัตราดอกเบี้ยจนถึงสิ้นปี 65 เพราะหากภาคอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวได้ดี ก็จะมีผลดีกับเศรษฐกิจ เนื่องจากภาคอสังหาริมทรัพย์มีขนาดใหญ่มาก หากเอาเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างเดียว คิดเป็น 4.8% ของจีดีพี แต่หากรวมกับธุรกิจซัพพลายเชน เช่น อุตสาหกรรมก่อสร้าง จะมีขนาดถึง 7.2% ของจีดีพี และหากรวมธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องต่าง ๆ เช่น เฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า จะคิดเป็นกว่า 10% ของจีดีพี ดังนั้นภาคอสังหาริมทรัพย์จึงถือเป็นตัวชี้วัดสำคัญหนึ่งที่บ่งบอกได้ว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นหรือไม่" นายอาคม กล่าว
ด้านนายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธอส. กล่าวว่า ภาพรวมการปล่อยสินเชื่อในไตรมาส 1/65 ของธอส. อยู่ที่ 6.19 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.34% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในปีนี้ ธอส. มีเป้าหมายการปล่อยสินเชื่ออยู่ที่ 2.22 แสนล้านบาท แต่จากทิศทางเศรษฐกิจ และภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ภาครัฐมีมาตรการเข้ามาพยุงและกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ การตรึงอัตราดอกเบี้ย จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยทำให้การปล่อยสินเชื่อของ ธอส. ในปีนี้โตได้สูงกว่าเป้าหมาย อย่างต่ำที่ 2.4 แสนล้านบาท หรือสูงสุดที่ 2.7 แสนล้านบาท
"แม้ว่าดอกเบี้ยในตลาดโลกเริ่มมีการส่งสัญญาณการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่รัฐบาล และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ส่งสัญญาณว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยให้นานที่สุด เพราะปัจจัยภายในประเทศ ธอส. ยืนยันจะตรึงอัตราดอกเบี้ยให้นานที่สุด เพราะปัจจัยภายในประเทศยังไม่อยู่ในช่วงที่เหมาะสมจะปรับขึ้นดอกเบี้ย โดยหลายฝ่ายประเมินว่าอัตราดอกเบี้ยของไทยจะขยับขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งในส่วนของ ธอส. เพื่อช่วยพยุงภาคอสังหาริมทรัพย์ ก็ยืนยันที่จะตรึงอัตราดอกเบี้ยให้นานที่สุด" นายฉัตรชัย กล่าว