ศูนย์วิจัยกสิกรฯคาดเฟดลดดอกเบี้ยอีก 0.50-0.75% เพิ่มแรงกดดันต่อ กนง.

ข่าวเศรษฐกิจ Friday March 14, 2008 12:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)อาจมีความจำเป็นจะต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ย Fed Funds ลงอีก 0.50-0.75% เพื่อประคับประคองเศรษฐกิจสหรัฐฯให้รอดพ้นจากภาวะถดถอยที่รุนแรง และตลาดยังคาดว่าเฟดอาจจำต้องปรับลดดอกเบี้ย Fed Funds ลงต่อเนื่องสู่ระดับต่ำกว่า 2.00% ภายในเดือนก.ย.นี้อีกด้วย 
เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐยังมีแนวโน้มจะได้รับผลกระทบจากปัญหาในตลาดสินเชื่อ ซึ่งบั่นทอนความเชื่อมั่นในตลาดการเงินและผู้บริโภคในวงกว้าง และยังไม่มีสัญญาณที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะพลิกฟื้นกลับมาขยายตัวได้ภายในเวลาอันใกล้นี้ ขณะที่การดำเนินนโยบายการเงินและการคลังแบบผ่อนคลายอย่างต่อเนื่องของทางการสหรัฐผ่านการลดอัตราดอกเบี้ย การออกมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องต่างๆ มาตรการคืนภาษี และแผนการให้ความช่วยเหลือต่างๆ ยังไม่ได้ปรากฏผลชัดเจน
"ศูนย์วิจัยกสิกรไทยห็นว่า เพื่อที่จะประคับประคองเศรษฐกิจสหรัฐฯไม่ให้ตกต่ำลงอย่างรุนแรง เฟดอาจยังมีความจำเป็นที่จะต้องปรับลด Fed Funds ลงอย่างน้อยร้อยละ 0.50 ในการประชุมรอบที่จะถึงนี้ ขณะที่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงถึงร้อยละ 0.75 ก็มีโอกาสจะเกิดขึ้นได้มากเช่นเดียวกันขึ้นอยู่กับการประเมินสถานการณ์แวดล้อมทางเศรษฐกิจโดยรวมว่าเป็นเช่นไร" ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุ
นอกจากนี้ วัฏจักรอัตราดอกเบี้ยขาลงของเฟดอาจยังมีแนวโน้มดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดตลาดได้คาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ย Fed Funds อาจจะถูกปรับลดลงมาต่ำกว่าร้อยละ 2.00 ภายในเดือนก.ย.51 นี้ ขณะที่ประเมินว่ากว่าที่เศรษฐกิจสหรัฐจะสามารถฟื้นตัวกลับมาอย่างชัดเจนและต่อเนื่อง อาจต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อยประมาณ 4-6 ไตรมาส
สำหรับผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยนั้น ในกรณีที่เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกอย่างน้อยร้อยละ 0.50 จริงตามที่คาด เงินดอลลาร์สหรัฐฯที่อาจมีแนวโน้มอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลัก ประกอบกับส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างไทยและสหรัฐฯที่กว้างขึ้นกว่าเดิม อาจดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากที่ทางการไทยได้ยกเลิกมาตรการกันสำรองร้อยละ 30 ซึ่งมีผลไปแล้วตั้งแต่วันที่ 3 มี.ค. ซึ่งแนวโน้มดังกล่าว อาจสนับสนุนให้เงินบาทมีแนวโน้มปรับตัวแข็งค่าขึ้น
ในขณะเดียวกัน การชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศหลักอื่นๆ มากน้อยเพียงใด ก็เป็นปัจจัยที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการขยายตัวของการส่งออกไทยในระยะข้างหน้าด้วย
นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยและทั่วโลกอาจยังต้องประสบกับภาวะราคาน้ำมันแพงอย่างต่อเนื่องต่อไป อันเป็นผลเนื่องมาจากการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ฯที่ทำให้การลงทุนในสินทรัพย์สหรัฐฯมีความน่าสนใจน้อยลง ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนทำการโยกย้ายเงินเข้าสู่สินทรัพย์ประเภทอื่น โดยเฉพาะตลาดสินค้าโภคภัณฑ์มากขึ้น
ทางด้านอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินของไทยคงจะต้องเผชิญกับความยากลำบากมากขึ้นในการตัดสินใจนโยบายอัตราดอกเบี้ยเพื่อที่จะรักษาสมดุลความเสี่ยงทั้งทางด้านราคาและการขยายตัวของเศรษฐกิจ ท่ามกลางสภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจโลกที่ยังคงมีความผันผวนอยู่มาก

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ