นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 33.50 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าจาก เปิดตลาดเมื่อเช้านี้ที่ระดับ 33.44 บาท/ดอลลาร์
วันนี้เงินบาทยังคงเคลื่อนไหวเป็นไปตามตลาดภูมิภาค และตลาดโลก ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 33.44 - 33.55 บาท/ดอลลาร์ โดยวันนี้เงินบาทยังไร้ปัจจัยชี้นำใหม่ ทั้งนี้ เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (1 เม.ย.) ตัวเลขการจ้างงานในสหรัฐฯ ออก มาดีเกินคาด ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (บอนด์ยิลด์) ปรับตัวสูงขึ้น และสกุลเงินในภูมิภาควันนี้อ่อนค่าลง
นักบริหารเงิน คาดการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันพรุ่งนี้จะอยู่ในกรอบ 33.40 - 33.60 บาท/ดอลลาร์ โดยในช่วงนี้ ปัจจัยที่ตลาดจับตา คือ บอนด์ยิลด์สหรัฐฯ และ flow การซื้อขายของต่างชาติ
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 122.61 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 122.46 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1015 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.1050 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,702.93 จุด เพิ่มขึ้น 1.62 จุด (+0.10%) มูลค่าการซื้อขาย 65,890 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 561.86 ลบ.(SET+MAI)
- ททท. คาดตลาดท่องเที่ยวจะฟื้นตัวชัดเจนได้ในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากมีแนวโน้มที่นักท่องเที่ยวจะสามารถเดินทาง
- หอการค้าไทย สนับสนุนให้ภาครัฐเร่งประกาศให้โรคโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น เพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวจาก
- สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในเดือน มี.ค.65 พบดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้าง
- อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ในส่วนของประเทศไทย ศูนย์จีโนมทางการ
- รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์มีความกังวลว่าจะทำให้ยอดการติดเชื้อสูงขึ้น แต่กระทรวงสาธารณสุข
- ธนาคารกลางจีน (PBOC) ให้คำมั่นว่า ธนาคารกลางจะเพิ่มความพยายามในการป้องกันและขจัดความเสี่ยงทางการเงิน
- สถาบันวิจัย Sentix ของเยอรมนี เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนในยูโรโซนร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ
- รัสเซีย เผยการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนยังไม่คืบหน้าเท่าที่ควรสำหรับการประชุมระดับผู้นำ ขณะที่
- เจมินี (Gemini) ผู้ให้บริการตลาดซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี รายงานผลวิจัยว่า อินโดนีเซีย เป็นหนึ่งในประเทศที่
มีอัตราผู้ถือครองคริปโทเคอร์เรนซีสูงที่สุดในโลก โดยรายงาน "สถานะสินทรัพย์คริปโทเคอร์เรนซีทั่วโลก (Global State of
Crypto Report) " ระบุว่า 41% ของชาวอินโดนีเซียอายุ 18-75 ปีที่มีรายได้มากกว่า 14,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี เป็นเจ้า
ของสินทรัพย์คริปโทฯ เนื่องจากนักลงทุนในอินโดนีเซียหันมาให้ความสนใจกับสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อรับมือปัญหาเงินเฟ้อในอนาคต