นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.(PTT) เปิดเผยว่า PTT ร่วมกับบมจ.ไทยออยล์(TOP)ปรับปรุงกระบวนการผลิตน้ำมันดีเซลจากมาตรฐาน Euro III มาเป็น Euro IV เป็นรายแรกของประเทศ ซึ่งทำให้น้ำมันดีเซล(B2) และน้ำมันไบโอดีเซล(B5) มีปริมาณกำมะถันในน้ำมันต่ำกว่า 50 PPM หรือ 0.005% ลดลง 7 เท่าจากดีเซลปัจจุบัน โดยสามารถผลิตได้ก่อนที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ถึง 4 ปี(1 ม.ค.55)
เบื้องต้น PTT จะรับน้ำมันดีเซลมาตรฐาน Euro IV จากโรงกลั่น TOP ประมาณเดือนละ 320 ล้านลิตรต่อเดือน หรือ 70% ของกำลังผลิตดีเซลที่โรงกลั่น TOP ผลิตได้ และใช้คลังน้ำมันพระโขนงเป็นคลังผสมน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว(B2) และน้ำมันไบโอดีเซล(B5) เพื่อจำหน่ายให้แก่ทางรถประจำทางขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) และประชาชนทั่วไป ผ่านสถานีบริการน้ำมัน PTT ในเขต กทม.และปริมณฑล ประมาณ 100 สถานีก่อนในราคาเท่าเดิม
ด้านนายวิโรจน์ มาวิจักขณ์ กรรมการอำนวยการ TOP กล่าวว่า โรงกลั่นไทยออยล์สามารถผลิตน้ำมันดีเซล Euro IV ได้ทั้งโรงกลั่น เนื่องจากหน่วยกลั่นต่างๆ ของไทยออยล์มีศักยภาพในการผลิตอยู่แล้ว เพียงแต่ปรับสภาพการทำงานของกระบวนการผลิตเพียงบางส่วน โดยเฉพาะการเร่งปฏิกิริยาในหน่วยลดกำมะถัน บริษัทฯ สามารถผลิตน้ำมันดีเซล Euro IV ได้ประมาณ 400-500 ล้านลิตร/เดือน จากหน่วยขจัดกำมะถันในน้ำมันดีเซล (HDS) 2 หน่วย และหน่วยไฮโดรแครกเกอร์ 2 หน่วย
"น้ำมันดีเซล Euro IV มีส่วนผสมเหมือนกับน้ำมันดีเซล Euro III ที่ใช้กันอยู่ในท้องตลาดปัจจุบัน เพียงแต่ลดปริมาณกำมะถันและปริมาณสารที่ก่อให้เกิดเขม่าควันดำลง จึงไม่ส่งผลกระทบต่อเครื่องยนต์และสามารถใช้ได้กับรถยนต์ทุกรุ่นโดยไม่จำเป็นต้องมีการปรับแต่งเครื่องยนต์" นายวิโรจน์ กล่าว
ขณะที่ นายพิเณศวร์ พัวพัฒนกุล ผู้อำนวยการ ขสมก. กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนอกจากจะเป็นพลังงานทดแทนที่มีราคาถูกกว่าน้ำมันดีเซลทั่วไปแล้ว ยังมีปริมาณกำมะถันลดลงและค่าซีเทนที่สูงขึ้น จึงช่วยให้เครื่องยนต์มีการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ และช่วยลดมลพิษของไอเสียที่ปล่อยออกมาจากรถของ ขสมก.ได้อีกด้วย
--อินโฟเควสท์ โดย อตฦ/ธนวัฏ/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--