ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) มองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์หน้า (11-15 เม.ย.) ไว้ที่ 33.30-34.00 บาท/ดอลลาร์ โดยมีปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สัญญาณจากถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) สถานการณ์ยูเครน-รัสเซีย และทิศทางเงินทุนต่างชาติ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ยอดค้าปลีก ข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย. (เบื้องต้น) และตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ยอดปล่อยกู้ใหม่สกุลเงินหยวนและข้อมูลการส่งออกเดือนมี.ค.ของจีนด้วยเช่นกัน
สัปดาห์ที่ผ่านมาเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบอ่อนค่า โดยเงินบาทขยับแข็งค่าขึ้นในช่วงต้น-กลางสัปดาห์สอดคล้องกับสถานะซื้อสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ อย่างไรก็ดีเงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่าลงในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ ขณะที่เงินดอลลาร์ฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังรายงานการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 15-16 มี.ค. และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟด สะท้อนท่าทีการเร่งคุมเข้มนโยบายการเงิน ทั้งในส่วนของการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายและการปรับลดงบดุล นอกจากนี้เงินดอลลาร์ยังมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ออกมาแข็งแกร่ง อาทิ ตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ที่ปรับตัวลงมากกว่าที่คาด มาอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 53 ปี
เมื่อวันศุกร์ (8 เม.ย.) เงินบาทปิดตลาดที่ 33.59 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับระดับ 33.46 บาท/ดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (1 เม.ย.) ขณะที่ระหว่างวันที่ 4-8 เม.ย. นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทยรวม 1,860.51 ล้านบาท และมีสถานะเป็น NET INFLOW ในตลาดพันธบัตร 8,344 ล้านบาท (ซื้อสุทธิพันธบัตร 8,345 ล้านบาท และตราสารหนี้หมดอายุ 1 ล้านบาท)