กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เผยมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.40-33.85 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 33.61 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในกรอบ 33.37-33.65 บาท/ดอลลาร์ เงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินสำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยิลด์) ของสหรัฐฯ พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2562 หลังรายงานการประชุมวันที่ 15-16 มี.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) บ่งชี้ถึงโอกาสสำหรับการขึ้นดอกเบี้ยครั้งละ 50bp เป็นจำนวนหลายครั้งเพื่อควบคุมภาวะเงินเฟ้อ
อีกทั้งผู้ดำเนินนโยบายเห็นว่าจะมีการปรับลดขนาดงบดุลลงในอัตราราว 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน ซึ่งจะเป็นการลดการถือครองพันธบัตรลง 6 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน และหลักทรัพย์ที่ได้รับการค้ำประกันจากสัญญาจำนอง (Mortgage-backed Securities) 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน โดยมาตรการ Quantitative Tightening นี้จะเริ่มหลังการประชุม FOMC วันที่ 3-4 พ.ค. ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทย 1,861 ล้านบาท และ 8,462 ล้านบาท ตามลำดับ
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ฯ คาดว่า นักลงทุนจะให้ความสนใจกับข้อมูลเงินเฟ้อ และยอดค้าปลีกเดือน มี.ค.ของสหรัฐฯ เพื่อประเมินแนวทางการคุมเข้มนโยบายของเฟดในระยะถัดไป นอกจากนี้ เงินยูโรมีแนวโน้มผันผวนหลังผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสรอบแรกค่อนข้างสูสี โดยผู้นำคนปัจจุบันมีคะแนนนำผู้ท้าชิงฝ่ายขวาจัด และการเลือกตั้งรอบตัดสินจะเกิดขึ้นในวันที่ 24 เม.ย. อีกทั้งตลาดจะจับตาการประชุมธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) วันที่ 14 เม.ย. ซึ่งคาดว่าจะแสดงความกังวลมากขึ้นต่อเงินเฟ้อที่เร่งตัวแม้เศรษฐกิจยูโรโซนจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากสงครามในยูเครน และมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย
สำหรับปัจจัยในประเทศ ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) เดือน มี.ค.เพิ่มขึ้น 5.73% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสูงเกินคาดและเป็นระดับสูงสุดในรอบ 13 ปีครั้งใหม่ ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารสดและพลังงาน เพิ่มขึ้นมากกว่าที่ตลาดคาดเช่นกันในอัตรา 2.0% โดยกระทรวงพาณิชย์ปรับคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อปีนี้เป็น 4-5% ขณะที่ราคาปรับสูงขึ้นตามต้นทุนพลังงานและวัตถุดิบนำเข้ารวมถึงค่าขนส่ง
ในภาวะเช่นนี้ เรามองว่าค่าเงินบาทอาจเผชิญแรงกดดัน หากราคาน้ำมันดิบทรงตัวที่ระดับสูงนานกว่าคาด นอกจากนี้มาตรการควบคุมโรคในจีนฉุดรั้ง Sentiment เกี่ยวกับการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวไทยเช่นกัน อนึ่ง กระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายอาจซึมลงก่อนเข้าสู่ช่วงเทศกาลสงกรานต์และอีสเตอร์