ที่ปรึกษาด้านการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(BOI) เผยผลสำรวจความคิดเห็นของนักลงทุนต่างชาติแสดงความเชื่อมั่นที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย เนื่องจากมีรัฐบาลที่มีจากการเลือกตั้งและการยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30%
"ที่เราไปถามความเห็นจากต่างชาติ เขาเชื่อมั่นร้อยเปอร์เซ็นต์ที่จะเข้ามาลงทุน เขาไม่สนใจหน้าตารัฐบาล แค่ขอให้เป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และการยกเลิกมาตรการ(กันสำรอง) 30% ยิ่งเป็นตัวเสริมความมั่นใจของเขาให้กลับมาเต็มร้อย ก็คงเฉพาะแค่คนไทยที่ยังไม่มั่นใจ" นางหิรัญญา สุจินัย ที่ปรึกษาด้านการลงทุน BOI กล่าวในงานเสวนาเศรษฐกิจไทยปี 51 ทิศทางแห่งการพัฒนา
ที่ปรึกษาด้านการลงทุน กล่าวว่า ทิศทางการส่งเสริมการลงทุนในปี 51-52 มี 5 แนวทาง ได้แก่ 1.การพัฒนาต่อยอดอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ เช่น อุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์ อุตสาหกรรมท่องเที่ยว อุตสาหกรรมบันเทิง เป็นต้น, 2.การสร้างฐานอุตสาหกรรมในอนาคต ด้วยการส่งเสริมอุตสาหกรรมฐานความรู้หรือใช้เทคโนโลยีขั้นสูง,
3.การส่งเสริมการลงทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศเพื่อรองรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมปิโตรเคมี อุตสาหกรรมเหล็ก อุตสาหกรรมต่อเรือ ระบบโลจิสติกส์ ในโครงการเซาท์เทิร์นซีบอร์ด, 4.การส่งเสริมการปรับตัวเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและลดต้นทุนการผลิต และ 5.การส่งเสริมการลงทุนของอุตสาหกรรมไทยในต่างประเทศเพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจ เช่น กลุ่มอาหาร หมืองแร่ พลังงาน
ด้านนายณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานกรรมการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกในปี 51 จะชะลอตัวจากปัญหาซับไพร์มในสหรัฐอเมริกาที่ยังคงมีปัญหาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เป็นปีที่ยากลำบากสำหรับผู้ประกอบการไทย และปัญหาค่าเงินบาทที่แข็งค่าจะส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกทำให้ต้องป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน แต่ส่งผลดีด้านการนำเข้าเป็นโอกาสในการซื้อเครื่องจักรและการขยายกำลังการผลิต โดยปีนี้ ธุรกิจที่เตรียมลงทุน เช่น ปิโตรเคมี โรงไฟฟ้า
ทั้งนี้ เชื่อว่าปัญหาสหรัฐน่าจะคลี่คลายไปในทางที่ดีเนื่องจากอยู่ระหว่างการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่มีนโยบายการถอนทหารจากอิรักซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ และหากปัญหาคลี่คลายคาดว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกจะปรับตัวลดลง
สำหรับการทำธุรกิจยังต่างประเทศควรเน้นการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านที่มีอัตราการเติบโตสูงทั้งยังสามารถรับรู้รายได้เป็นเงินบาท ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบจากเงินบาทที่แข็งค่ามากนัก นอกจากนี้ควรอาศัยประโยชน์จาก FTA ที่มีข้อตกลงกับหลายประเทศ ทั้ง จีน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น อินเดีย
ในส่วนประเทศไทยจากการมีรัฐบาลมาจากการเลือกตั้งและมีมาตรการต่างๆออกมานับว่าส่งผลดีต่อการลงทุน แต่ต้องการเรียกร้องให้รัฐบาลใหม่แก้ไขพ.ร.บ.กำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฉบับใหม่ที่มีกฎ ข้อบังคับเข้มงวดมากเกินไปในส่วนของกรรมการบริษัท กรรมการตรวจสอบ ส่งผลต่อผู้ที่จะมารับตำแหน่งเหล่านี้และอนาคตจะไม่มีใครมารับตำแหน่ง
ด้านนายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการ บล.เอเชียพลัส(ASP) กล่าวว่า ความจริงประเทศไทยอาจต้องปรับลดอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ(จีดีพี)ในปีนี้ลงจากที่ประเมินไว้ 4-5% เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเศรษฐกิจสหรัฐอาจติดลบในปีนี้ แต่หลังการเลือกตั้งรัฐบาลมีมาตรการที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่รวดเร็วและส่งผลดีต่อธุรกิจ เช่น ภาคอสังหาริมทรัพย์ ทำให้โอกาสที่เศรษฐกิจจะขยายตัวได้ดีเป็นไปได้มาก
"ต้องชื่นชมว่ารัฐบาลนี้ทำงานรวดเร็ว แก้ปัญหาตรงจุด ช่วยผู้ประกอบการและการที่อัดฉีดเงินเข้าสู่รากหญ้าจะส่งผลดีต่อภาคการใช้จ่ายในประเทศ นักธุรกิจเริ่มมองเห็นแสงสว่างในปลายทางอุโมงค์ แต่มาตรการภาครัฐควรมีมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อนักธุรกิจที่ยังรีรอการลงทุนจะได้ตัดสินใจลงทุน"นายก้องเกียรติ กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย กษมาพร กิตติสัมพันธ์/ธนวัฏ/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--