ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช แห่งสหรัฐ ยอมรับว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่คาดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นได้ในระยะใกล้นี้เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานยังคงดีอยู่
ทั้งนี้ บุชกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมชมรมเศรษฐกิจที่กรุงนิวยอร์กว่า "ผมยอมรับว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก ซึ่งเป็นผลมาจากปัญหาในตลาดอสังหาริมทรัพย์และตลาดการเงิน แต่ผมอยากบอกว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สหรัฐเผชิญวิกฤตการณ์"
"นับตั้งแต่ผมเป็นประธานาธิบดี พวกเราก็เผชิญความท้าทายทางเศรษฐกิจมาหลายต่อหลายครั้ง โดยเฉพาะภายหลังจากเกิดเหตุวินาศกรรมตึกเวิล์ดเทรดเมื่อวันที่ 11 ก.ย.2545 แต่เศรษฐกิจของเราก็พลิกฟื้นได้ตลอดมาเพราะเรามีปัจจัยพื้นฐานที่ดี รวมถึงอัตราว่างงานที่อยู่ในระดับต่ำที่ 4.8% อัตราค่าแรงที่สูงขึ้น ประสิทธิภาพด้านการผลิตและยอดส่งออกที่สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์" บุชกล่าว
"ผมเข้าใจหัวอกของชาวอเมริกาที่ต้องทำงานหนัก เข้าใจว่าพวกเขาเป็นห่วงครอบครัวของตนเองขนาดไหน และนี่คือความทุกข์ใจของผมด้วยเพราะผมเป็นผู้นำประเทศ" บุชกล่าว
นอกจากนี้ บุชยังกล่าวชื่นชมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ทำทุกวิถีทางที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้ขยายตัวต่อไปได้ ซึ่งรวมถึงการที่เฟดมีมติปล่อยวงเงินกู้ฉุกเฉินให้วาณิชธนกิจแบร์ สเติร์นส์ หลังจากวาณิชธนกิจแห่งนี้ขาดสภาพคล่องอย่างหนัก และการที่เฟดประกาศเพิ่มสภาพคล่อง 2 แสนล้านดอลลาร์เข้าสู่ระบบการธนาคารสหรัฐ
"มาตการของเฟดเป็นมาตรการที่สะท้อนถึงเจตนารมณ์อันแรงกล้าที่จะกอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจของประเทศ และพยายามรักษาเสถียรภาพให้กลับคืนสู่ตลาด" บุชกล่าว
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เฟดประกาศใช้มาตรการในการร่วมมือกับธนาคารกลางของประเทศอื่นๆ ด้วยการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการธนาคารเพื่อบรรเทาภาวะตึงตัวในตลาด โดยเฟดจะเพิ่มวงเงินกู้สูงสุดถึง 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมกับทำสัญญาสว็อปค่าเงินกับธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และธนาคารกลางสวิส และธนาคารกลางสวิส
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--