ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 33.64 ธุรกรรมเบาบางก่อนหยุดยาว ตลาดรอตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ-ผลประชุม ECB

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday April 12, 2022 17:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 33.64 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าเล็กน้อยจาก เปิดตลาดเมื่อเช้าที่ระดับ 33.66 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 33.63 - 33.70 บาท/ดอลลาร์ ตามแรงซื้อ ขาย แต่วันนี้ตลาดมีปริมาณธุรกรรมที่เบาบาง เนื่องจากเป็นช่วงก่อนเข้าสู่วันหยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์ นักลงทุนอาจรอดูตัวเลขเงินเฟ้อ ของสหรัฐคืนนี้ และผลประชุมธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี)

"บาทแข็งค่าจากช่วงเช้าเล็กน้อย แต่มีปริมาณธุรกรรมที่เบาง เนื่องจากใกล้วันหยุดยาว หรือไม่นักลงทุนอาจรอดูตัวเลข เศรษฐกิจที่สำคัญ" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันจันทร์ไว้ที่ 33.50 - 33.80 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากเป็น ช่วงวันหยุดยาว นอกจากตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญแล้วอาจต้องติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 125.61 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 125.44 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0865 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.0867 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,674.34 จุด ลดลง 4.12 จุด, -0.25% มูลค่าการซื้อขาย 60,856.39 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 761.05 ล้านบาท (SET+MAI)
  • ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ทำจดหมายเปิดผนึก
ถึง รมว.คลัง เพื่อชี้แจงการเคลื่อนไหวของอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนข้างหน้า สูงกว่าขอบบนของกรอบเป้าหมายนโยบายการ
เงิน กนง.มองว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มสูงกว่า 5% ในช่วงไตรมาส 2 และ 3 ก่อนที่จะปรับลดลงในช่วงหลังของปี 65 และกลับ
มาเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบเป้าหมายตั้งแต่ช่วงต้นปี 66 ซึ่งการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อในช่วงไตรมาส 2 และ 3 ปีนี้ มาจากผลของฐานที่
ต่ำของราคาน้ำมันและมาตรการบรรเทาค่าครองชีพของภาครัฐในปี 64 โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะทยอยลดลงในไตรมาส 4 ของปีนี้
  • วิจัยกรุงศรี ระบุอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วงนี้จะยังยืนอยู่เหนือกรอบเป้าหมาย ซึ่งเป็นผลมาจากราคาพลังงานที่สูงขึ้นจากผล
ของสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน แต่เงินเฟ้อจะเริ่มชะลอตัวลงได้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีส่งผลให้คาดว่าทั้งปีอัตรา
เงินเฟ้อจะเฉลี่ยที่ระดับ 4.8%
  • นายกรัฐมนตรี เผยรัฐบาลมีความเป็นห่วงเรื่องปัญหาเงินเฟ้อ โดยพยายามหามาตรการมารองรับ เพื่อช่วยเหลือความ
เดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าที่แพงขึ้น แต่ต้องทำด้วยความระมัดระวังและคำนึงถึงเรื่องงบประมาณ
  • ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) เปิดเผยว่า ราคาทองคำเริ่มปรับ
ตัวขึ้นมาสวนทางกับดัชนีสินทรัพย์เสี่ยง เช่น ดัชนีตลาดหุ้น จากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอย รวมถึงความตึงเครียดระหว่างยูเครนและ
รัสเซีย โดยเฉพาะล่าสุดหลายประเทศในยุโรปที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (NATO) มีความต้องการ
เข้าเป็นสมาชิก สถานการณ์นี้อาจส่งผลให้เกิดความตึงเครียดมากขึ้น จึงส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัวลง

สำหรับแนวโน้มราคาทองคำถือว่ามีทิศทางค่อยๆปรับตัวขึ้น และมีโอกาสปรับขึ้นไปที่ 1,974-1,991 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หากสามารถผ่านแนวต้านดังกล่าวได้อาจปรับตัวขึ้นไปที่ 2,008 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ อย่างไรก็ดีหากไม่มีปัจจัยบวกมาสนับสนุนอาจย่อตัว ลงมาเพื่อสะสมกำลังในการปรับตัวขึ้นรอบใหม่ ส่วนแนวรับมองที่ 1,939 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แนวรับถัดไป 1,923 ดอลลาร์สหรัฐต่อ ออนซ์ ส่วนราคาทองคำแท่งในรูปแบบเงินบาทมองกรอบการเคลื่อนไหวที่ 30,600-31,500 โดยในระยะสั้นแนะนำแบ่งขายเมื่อมีกำไร

  • นายกรัฐมนตรี พอใจภาพรวมการท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพราะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มสูงขึ้นมาก ซึ่งมี
การจองห้องพักในพื้นที่ท่องเที่ยวประมาณ 70% แต่ขอให้ทุกคนอย่าประมาทให้ทุกหน่วยงานพร้อมตั้งรับการแพร่ระบาดของโควิด-19 คาดว่า
จะมีตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นหลังเทศกาลสงกรานต์
  • ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2565 ครั้งที่ 2
ตามที่คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ ดังนี้ 1.แผนการก่อหนี้ใหม่ วงเงิน 1,415,103.57 ล้านบาท เพิ่ม
ขึ้น 49,619.73 ล้านบาท 2.แผนการบริหารหนี้เดิม วงเงิน 1,501,163.56 ล้านบาท ลดลง 35,794.42 ล้านบาท 3.แผนการชำระ
หนี้ วงเงิน 363,269.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,035.29 ล้านบาท
  • กระทรวงเศรษฐกิจและกระทรวงการคลังของรัสเซียกำลังจัดเตรียมการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจฉบับใหม่ ซึ่งมีแนวโน้มจะ
ปรับลดคาดการณ์ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) สู่การหดตัวกว่า 10%
  • กระทรวงแรงงานสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนมี.ค.ในวันนี้ เวลา 19.30 น.ตามเวลา
ไทย ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งคาดว่า ดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค จะพุ่งขึ้น 8.5% เมื่อเทียบเป็นราย
ปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2524

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ