เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ตกลงซื้อกิจการแบร์ สเติร์นส์ ในราคาหุ้นละ 2 ดอลลาร์ หรือคิดเป็นวงเงินรวม 236.2 ล้านดอลลาร์ หลังจากแบร์ สเติร์นส์ ประสบปัญหาขาดแคลนสภาพคล่องอย่างหนัก จนต้องยื่นขอวงเงินกู้ฉุกเฉินจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก จนเป็นเหตุให้เกิดความตื่นตระหนกในตลาดวอลล์สตรีท และทำให้ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงอย่างหนักเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
การที่เจพีมอร์แกน เข้าซื้อกิจการแบร์ สเติร์นส์ ซึ่งเป็นวาณิชธนกิจรายใหญ่อันดับ 5 ของสหรัฐ ทำให้ความเป็นอิสระของแบร์ สเติร์นส์สิ้นสุดลง และถือเป็นการปิดตำนานหนึ่งในวาณิชธนกิจที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐ
ทั้งนี้ เจพีมอร์แกนกล่าวในแถลงการณ์ว่า "เฟดจะจัดหาเงินทุนพิเศษให้กับเจพีมอร์แกนเพื่อนำไปใช้ซื้อหุ้นของแบร์ สเติร์นส์ นอกจากนี้ เฟดจะอัดฉีดสภาพคล่องมูลค่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์เข้าพยุงสินทรัพย์ที่ขาดสภาพคล่องของแบร์ สเติร์นส์"
เจมี ดีมอน ซีอีโอของเจพีมอร์แกนกล่าวในแถลงการณ์ว่า "เจพีมอร์แกนเข้ามาพยุงแบร์ สเติร์นส์แล้ว ขอให้ลูกค้าของแบร์ สเติร์นส์มั่นใจได้ว่าจีพีมอร์แกนสามารถรับประกันความเสี่ยงในแบร์ สเติร์นส์ได้ เรายินดีต้อนรับลูกค้าของแบร์ สเติร์นส์ และยินดีต้อนรับพนักงานของแบร์ สเติร์นส์เข้าสู่ร่มเงาของเจพีมอร์แกน เราพร้อมที่จะเป็นพันธมิตรร่วมกัน"
ขณะที่ อลัน ชวาร์ทซ์ ซีอีโอของแบร์ สเติร์นส์กล่าวว่า "ในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว แบร์ สเติร์นส์เผชิญความยากลำบากอย่างคาดไม่ถึง อย่างไรก็ตาม เราเชื่อมั่นว่าการขายหุ้นให้กับเจพีมอร์แกนเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับสถานการณ์ในตอนนี้"
ปีเตอร์ ดูเนย์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากบริษัทมาริเดียน อิควิตี้ พาร์ทเนอร์สในกรุงนิวยอร์กกล่าวว่า "การล่มสลายของแบร์ สเติร์นส์ถือเป็นการบันทึกประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งของวาณิชธนกิจสหรัฐ คำถามอยู่ที่ว่าจะมีสถาบันการเงินอีกกี่รายที่ต้องเจอปัญหาแบบนี้ และนี่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐถดถอย"
"การปิดตำนานแบร์ สเติร์นส์อาจสั่นคลอนความเชื่อมั่นในตลาดการเงินทั่วโลก ปัญหาที่เกิดขึ้นกับแบร์ สเติร์นส์จะส่งผลกระทบต่อระบบการเงินทั่วโลกและต่อเศรษฐกิจสหรัฐ อีกทั้งจะส่งผลกระทบถึงธนาคารพาณิชย์ เฮดจ์ฟันด์ และนักลงทุนอื่นๆที่มีพันธกรณีกับแบร์สเติร์นส์" ดูเนย์กล่าว สำนักข่าวเอพีรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--