นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปในเดือน มี.ค.65 อยู่ที่ 93,840 คัน ลดลง 10.21% จากเดือน มี.ค.64 แต่เพิ่มขึ้น 18.11% จากเดือน ก.พ.65 เนื่องจากมีปัญหาขาดแคลนชิ้นส่วนและเซมิคอนดักเตอร์ในรถยนต์นั่งบางรุ่น ส่งผลให้การผลิตและส่งออกลดลงในตลาดรถยนต์นั่ง เช่น เอเชีย, ออสเตรเลีย และยุโรป ยังคงต้องติดตามการสู้รบในยูเครนอย่างใกล้ชิดต่อไปที่อาจทำให้การขาดแคลนวัตถุดิบ ชิ้นส่วน และเซมิคอนดักเตอร์เพิ่มขึ้น โดยมีมูลค่าการส่งออก 55,853.30 ล้านบาท ลดลง 4.40% จากเดือน มี.ค.64
"รอลุ้นยอดส่งออกอีก 9 เดือนที่เหลือว่าจะได้ 1 ล้านคันตามเป้าที่ตั้งไว้หรือไม่ โดยเฉพาะปัญหาขาดแคลนชิปที่เป็นผลจากสถานการณ์สู้รบในยูเครนว่าจะยืดเยื้อหรือไม่ แต่ตอนนี้ยังไม่พิจารณาปรับเป้า" นายสุรพงษ์ กล่าว
ขณะที่ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ (ม.ค.-มี.ค.65) อยู่ที่ 243,124 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 5.81% แต่มีมูลค่าการส่งออก 144,165.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงไตรมาสแรกของปีก่อน 0.86%
สำหรับจำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือน มี.ค.65 มีทั้งสิ้น 172,671 คัน เพิ่มขึ้น 6.25% จากเดือน มี.ค.64 และเพิ่มขึ้น 10.93% จากเดือน ก.พ.65 จากการผลิตเพื่อขายในประเทศที่เพิ่มขึ้นถึง 32.16% ซึ่งมาจากยอดจองในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ และชดเชยวันหยุดยาวในเดือน เม.ย.ที่รัฐบาลให้จัดงานสงกรานต์ได้ซึ่งต้องใช้รถยนต์เดินทางมากขึ้น แต่การผลิตรถยนต์เพื่อการส่งออกยังคงลดลง 11.44% จากการผลิตรถยนต์นั่งที่ลดลงถึง 41.70% เพราะขาดชิ้นส่วนและเซมิคอนดักตอร์ ในบางรุ่น ส่งผลให้จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในไตรมาสแรกของปีนี้อยู่ที่ 480,078 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3.06%
ส่วนยอดขายรถยนต์ภายในประเทศเดือน มี.ค.65 อยู่ที่ 87,245 คัน เพิ่มขึ้น 9.14% จากเดือน ม.ค.64 และเพิ่มขึ้น 17.12% จากเดือน ก.พ.65 เพราะรัฐบาลคลายการล็อกดาวน์มากขึ้น ทำให้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 การกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งการใช้เงินและส่วนลด ทำให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้น กำลังซื้อดีขึ้น รวมทั้งการส่งมอบรถยนต์ให้ผู้จองในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ด้วย แต่ยังกังวลการระบาดของโควิด-19 ที่มีคนติดและเสียชีวิตมีจำนานสูง รวมทั้งราคาสินค้าและวัตถุดิบต่างๆ และพลังงานที่สูงขึ้นจากสงครามในยูเครนและหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวได้ จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป
"ยอดขายในประเทศปีนี้น่าได้ตามเป้า 8.5 แสนคัน และอาจสูงถึง 9 แสนคัน หากไม่มีผลกระทบรุนแรงจากโควิดและสถานการณ์สู้รบในต่างประเทศ" นายสุรพงษ์ กล่าว
สำหรับสถานการณ์รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและสอดคล้องกับตลาดรถยนต์ทั่วโลก หลังรัฐบาลออกมาตรการส่งเสริมและจูงใจผู้บริโภค โดยในเดือน มี.ค.65 มียานยนต์ไฟฟ้าประเภท BEV จดทะเบียนใหม่จำนวน 1,403 คัน เพิ่มขึ้น 165.22% จากเดือน มี.ค.64 โดยมีจดทะเบียนสะสมทั้งสิ้น 14,255 คัน, ประเภท HEV มีจดทะเบียนใหม่จำนวน 7,304 คัน เพิ่มขึ้น 81.60% จากเดือน มี.ค.64 โดยมีจดทะเบียนสะสมทั้งสิ้น 213,426 คัน, ประเภท PHEV มียอดจดทะเบียนใหม่จำนวน 1,290 คัน เพิ่มขึ้น 70.86% จากเดือน มี.ค.64 และมีจดทะเบียนสะสมทั้งสิ้น 34,104 คัน