นายวีรศักดิ์ โฆสิตไพศาล ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เชื่อว่า ในปีนี้ราคาเม็ดพลาสติกในประเทศจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอีก เนื่องจากปัญหาราคาน้ำมันดิบที่เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตมีราคาสูงขึ้นมากและอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องดูแลเรื่องต้นทุนการผลิตและปรับตัวเพื่อรองรับกับการแข่งขัน
ปีนี้คาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าพลาสติกของไทยจะสูงขึ้นกว่าปีก่อน ซึ่งปกติแต่ละปีสินค้าพลาสติกของไทยมีมูลค่ามากกว่า 3 แสนล้านบาท มีการส่งออกไปกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ขณะที่ตลาดสินค้าพลาสติกในประเทศในปีนี้คาดว่าจะเติบโตประมาณ 2-3% เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีการแข่งขันสูงมากทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ
สำหรับสินค้าพลาสติกในกลุ่มบมจ.ปตท.(PTT) ในปีนี้มีกำลังการผลิตเม็ดพลาสติกโพลีเอทิลีนชนิดความหนาแน่นสูง (HDPE) ประมาณ 5 แสนตัน/ปี มาจาก บมจ.บางกอกโพลีเอทีลีน(BPE) 2.5 แสนตัน/ปี และบมจ.ปตท.เคมีคอล(PTTCH) อีก 2.5 แสนตัน/ปี
ซึ่งจากกำลังผลิตดังกล่าวจะมีการส่งออกมากกว่า 50%
คาดว่าในอีก 2 ปีข้างหน้ากำลังการผลิตเม็ดพลาสติก HDPE ของกลุ่ม ปตท.จะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 8 แสนตัน/ปี โดยเป็นส่วนการขยายกำลังการผลิตของ BPE ที่เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 2.5 แสนตัน/ปี ที่เหลือเป็นส่วนขยายของบริษัทอื่นๆ ในกลุ่ม ปตท.
นอกจากนั้น กลุ่ม ปตท.ยังมีการขยายกำลังการผลิตเม็ดพลาสติกโพลีเอทิลีนชนิดความหนาแน่นต่ำเชิงเส้น (LLDPE) ประมาณ 4 แสนตัน/ปี คาดว่าจะเสร็จในปลายปีหน้า และเม็ดพลาสติกโพลีเอทิลีนชนิดความหนาแน่นต่ำ(LDPE)ประมาณ 3 แสนตัน/ปี คาดว่าจะเสร็จในไตรมาส 1/53 ซึ่งเป็นของบริษัท ปตท.โพลีเอทีลีน จำกัด (PTTPE)ทำให้กำลังการผลิตรวมของเม็ดพลาสติกโพลีเอทีลีนของกลุ่ม ปตท. จะเพิ่มขึ้นเป็น ประมาณ 1.5 ล้านตัน/ปี
ดังนั้นจึงคาดว่ากลุ่ม ปตท.จะต้องส่งออกเม็ดพลาสติกโพลีเอทีลีนมากกว่า 50% เนื่องจากกำลังการผลิตมีมากกว่าความต้องการในประเทศมาก โดยตลาดส่งออกหลัก คือ ประเทศจีน ซึ่งมีการส่งออกประมาณ 20% ของการส่งออกเม็ดพลาสติกทั้งหมดของกลุ่ม ปตท. นอกนั้นเป็นตลาดเวียดนาม, อินเดีย และประเทศในแถบเอเชียใต้
--อินโฟเควสท์ โดย อตฦ/กษมาพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--