สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ระบุว่า ตามที่มีข่าวเกี่ยวกับการประมูลท่อส่งน้ำ โครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก (อีอีซี) นั้น ขอให้ข้อมูลและข้อเท็จจริงว่า การประมูลท่อส่งน้ำดังกล่าว เป็นการดำเนินการตามภารกิจและภายใต้อำนาจของกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ดูแลทรัพย์สินของรัฐ
ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ซึ่งมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการ ขั้นตอน หรือการตัดสินใดๆ ต่อการประมูลโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออกแต่ประการใด
ที่ผ่านมา สาระสำคัญของการคัดเลือกเอกชนเพื่อบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก สามารถสรุปได้ดังนี้
1. การพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออก (ESB) คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2535 และวันที่ 12 ก.ย.2535 อนุมัติให้การประปาส่วนภูมิภาค จัดตั้ง บมจ.จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก (EASTW) เพื่อเป็นองค์กรหลัก ในการรับผิดชอบการพัฒนาและดำเนินการดูแลระบบท่อส่งน้ำดิบสายหลักในพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออก โดยกระทรวงการคลังเป็นผู้ประสานงานให้บริษัทฯ เช่า/บริหารทรัพย์สินจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ปัจจุบันท่อส่งน้ำสายหลักนี้ จะหมดสัญญาวันที่ 31 ธ.ค. 2566 ประกอบด้วย
(1) โครงการท่อส่งน้ำดอกกราย
(2) โครงการหนองปลาไหล - หนองค้อ
(3) โครงการหนองค้อ-แหลมฉบัง (ระยะที่ 2)
2. เมื่อหมดสัญญาทรัพย์สินดังกล่าวกลับมาอยู่ภายใต้การดูแลของกรมธนารักษ์ ดังนั้น ก่อนหมดสัญญา กรมธนารักษ์ จึงดำเนินการเพื่อสรรหาเอกชนมาบริหาร และดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำดิบสายหลักภาคตะวันออกต่อไป ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการสรรหาเอกชน