บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า (9-13 พ.ค.65) มีแนวรับอยู่ที่ 1,615 และ 1,600 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,645 และ 1,660 จุด ตามลำดับ โดยมีปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์โควิด-19 ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมถึงผลประกอบการงวดไตรมาส 1/65 ของ บจ. ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือน เม.ย. และตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศ และดัชนีราคาผู้บริโภคเดือน เม.ย.ของจีน
โดยหุ้นไทยปรับตัวลงตลอดสัปดาห์ หลังเผชิญแรงขายจากกลุ่มนักลงทุนต่างชาติในช่วงก่อนการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และยังคงร่วงลงต่อเนื่องตามตลาดหุ้นต่างประเทศในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ ทั้งนี้แม้เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% สอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และประธานเฟดยืนยันว่า ยังไม่ได้พิจารณาที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยมากถึง 0.75% แต่บรรยากาศการลงทุนในภาพรวมยังคงเผชิญแรงกดดันจากความกังวลต่อแนวโน้มการเร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อสหรัฐฯ ในระยะข้างหน้า
ในวันศุกร์ (6 พ.ค.65) ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,629.58 จุด ลดลง 2.27% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 72,389.74 ล้านบาท ลดลง 4.35% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 6.28% มาปิดที่ 627.78 จุด