นายสำราญ สาราบรรณ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมกำหนดแนวทางการปรับโครงสร้างหนี้ของเกษตรกร ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 22 มี.ค. 65 ว่า ครม. มีมติเห็นชอบในหลักการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ในโครงการแก้ไขปัญหาหนี้เกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ลูกหนี้ธนาคารของรัฐ 4 แห่ง
นายสำราญ กล่าวว่า ครม. เห็นชอบในหลักการให้เกษตรกรทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้กับเจ้าหนี้เดิม โดยพักชำระหนี้เงินต้นครึ่งหนึ่ง และดอกเบี้ยทั้งหมดไว้ก่อน และให้เกษตรกรฯ ทำสัญญาผ่อนชำระหนี้เงินต้นครึ่งหนึ่ง ตามระยะเวลาที่ตกลงไว้ แต่ไม่เกิน 15 ปี สำหรับการชดเชยเงินต้น 50% รัฐจะรับภาระในการจัดสรรเมื่อเกษตรกร ได้ชำระหนี้สินงวดสุดท้ายเสร็จสิ้นแล้ว
ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรฯ โดยสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ร่วมกับกระทรวงการคลัง ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME BANK) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดรายละเอียด และแนวทางการดำเนินการให้สอดคล้องกับหลักการข้างต้น
ขณะเดียวกัน กำหนดกรอบวงเงินสำหรับดำเนินการตามความจำเป็น เหมาะสม และดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติครม. ที่เกี่ยวข้องต่อไปในส่วนของดอกเบี้ยค้างชำระของธนาคารรัฐ 4 แห่ง ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางการดำเนินการให้ได้ข้อยุติที่เหมาะสม แล้วเสนอครม. พิจารณาต่อไป
นายสำราญ กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อเป็นการดำเนินการตามมติครม. ดังกล่าว สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) ได้จัดทำ (ร่าง) ขั้นตอนและวิธีปรับโครงสร้างหนี้ ตามโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรลูกหนี้ธนาคารของรัฐ 4 แห่ง รวม 7 ขั้นตอน เพื่อหารือร่วมกับสถาบันเจ้าหนี้ธนาคารของรัฐทั้ง 4 แห่ง ซึ่งได้รับความเห็นชอบในหลักการแล้ว โดยมีขั้นตอน ดังนี้
1. กฟก. จัดส่งรายชื่อเกษตรกรกลุ่มเป้าหมาย ให้กฟก. จังหวัดติดประกาศ
2. เกษตรกรแจ้งความประสงค์ ร่วม/ไม่เข้าร่วมโครงการ
3. กฟก. จังหวัดสรุปรายชื่อเกษตรกรที่เข้าร่วม/ไม่เข้าร่วม รอรายละเอียดและการสั่งการจัดส่งให้ธนาคารเจ้าหนี้
4. ธนาคารเจ้าหนี้พิจารณาปรับโครงสร้างหนี้ให้เกษตรกรตามรายชื่อ
5. ธนาคารเจ้าหนี้แจ้งรายชื่อเกษตรกรที่ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ จัดส่งให้กฟก. จังหวัด เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูและพัฒนาอาชีพเกษตรกร
6. ธนาคารเจ้าหนี้ขอชดเชยเงินต้น 50% และดอกเบี้ยจากรัฐบาล เมื่อเกษตรกรชำระหนี้เสร็จสิ้นตามสัญญา
7. กฟก. เสนอเรื่องเข้าสู่ครม. เพื่อพิจารณาเงินชดเชยต่อไป