นักวิเคราะห์จากโพลล์บลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า ผลประกอบการรายไตรมาสของ เลห์แมน บราเธอร์ส วาณิชธนกิจรายใหญ่อันดับ 4 ของสหรัฐ อาจดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2546 หลังจากนักลงทุนเทขายหุ้นเลห์แมน บราเธอร์สจนร่วงลงเกือบ 20% เมื่อคืนนี้ เนื่องจากความกังวลจากข่าวแบร์ สเติร์นส์ ขายกิจการให้เจพี มอร์แกน
นักวิเคราะห์คาดว่า รายได้สุทธิของเลห์แมน บราเธอร์สอาจทรุดตัวลง 58% เหลือเพียง 480 ล้านดอลลาร์ หรือ 72 เซนต์ต่อหุ้น จากปีที่แล้วที่ระดับ 1.15 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.96 ดอลลาร์ต่อหุ้น และคาดว่าเลห์แมน บราเธอร์ส อาจต้องปรับลดมูลค่าสินทรัพย์เป็นวงเงินสูงถึง 3.5 พันล้านดอลลาร์
เมื่อวานนี้ ริชาร์ด ฟัลด์ ซีอีโอเลห์แมน บราเธอร์ส ได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือหุ้น ด้วยการกล่าวว่า "การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยื่นมือเข้ามาพยุงแบร์ สเติร์นส์นั้น ได้ช่วยคลี่คลายวิกฤตการณ์สภาพคล่องได้บ้าง ภาวะขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรงของแบร์ สเติร์นส์ บีบให้ซีอีโออลัน ชวาร์ทซ์ ผ่าทางตันด้วยการขายกิจการให้เจพีมอร์แกน ในราคาหุ้นละ 2 ดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าระดับปิดในตลาดเมื่อ 2 วันก่อนถึง 90%
นักวิเคราะห์คาดว่า รายได้ประจำของเลห์แมน บราเธอร์ จะปรับตัวลดลงในไตรมาสแรก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการปรับลดมูลค่าสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับตลาดกู้จำนอง และเมื่อ 7 เดือนที่ผ่านมา เลห์แมน บราเธอร์ส ได้ปรับลดจำนวนพนักงน อีกทั้งประกาศปิดหน่วยงานด้านการปล่อยกู้จำนอง เพื่อพยุงธุรกิจด้านอื่นๆของบริษัทให้ขยายตัวเร็วกว่าบริษัทคู่แข่งอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม ดอยช์ แบงค์ ยืนยันว่า สภาพคล่องของเลห์แมน บราเธอร์ส อยู่ในขั้นที่ดีกว่าแบร์ สเติร์นส์ โดยในปีที่แล้ว เลห์แมน บราเธอร์ส มีสภาพคล่องสูงถึง 9.8 หมื่นล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ ก็เพราะเลห์แมน บราเธอร์ส มีข้อได้เปรียบเหนือกว่าแบร์ สเติร์นส์ ซึ่งรวมถึงการที่เลห์แมน บราเธอร์ส มีการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจมากกว่า และมีธุรกิจนอกสหรัฐมากกว่าแบร์ สเติร์นสกว่าครึ่งหนึ่ง นอกจากนี้ ธุรกิจจัดการสินทรัพย์ของเลห์แมน บราเธอร์ส ก็มีขนาดใหญ่กว่าแบร์ สเติร์นส์
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--