นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (18 พ.ค.) จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เพื่อหารือถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันทั้งหมด และจะนำมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งเห็นชอบปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลง 5 บาท/ลิตรไปหารือด้วย โดยจะพิจารณาว่ารัฐบาลจะตรึงราคาอย่างไรต่อไป เบื้องต้นในการลดภาษีสรรพสามิตลงครั้งนี้คงทำในระยะเวลาสั้น ๆ เพราะต้องดูเรื่องของการจัดเก็บรายได้ และด้านการท่องเที่ยวด้วย ซึ่งเริ่มมีการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวมากขึ้น
การดำเนินการดังกล่าว ช่วยลดภาระให้กับกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้บางส่วน เพราะปัจจุบันกองทุนน้ำมันก็มีภาระในการตรึงราคาน้ำมันดีเซล โดยรัฐบาลจะพยายามบริหารจัดการ เพื่อรักษาระดับราคาน้ำมันให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ปัจจุบันราคาพลังงานของไทยไม่ได้สูงไปกว่าประเทศเพื่อนบ้าน โดยรัฐบาลจะดูแลไม่ให้ราคาสูงขึ้นมากเกินไปจากนี้ เพราะถ้าไม่มีมาตรการของรัฐบาลเข้าไปช่วยตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ จะทำให้ราคาพุ่งสูงเกิน 40 บาทต่อลิตร เท่าหลาย ๆ ประเทศแน่นอน แต่หากตรึงราคาจนต่ำเกินไปก็มีความเสี่ยงที่จะลักลอบส่งออกน้ำมันไปประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนการช่วยเหลือน้ำมันเบนซิน ตอนนี้ยังไม่มีเพิ่มเติม ขณะที่แนวทางในการจัดหาแหล่งน้ำมันราคาถูกเพิ่มเติม ตอนนี้ก็พยายามหาทุกแหล่งภายในประเทศมากขึ้น
ส่วนกรณีที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปี 65 จาก 3.5-4.5% เหลือ 2.5- 3.5% นั้น รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถานการณ์เศรษฐกิจในปีนี้ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าจะดี ส่วนครึ่งปีหลังคงต้องประเมินสถานการณ์แบบเดือนต่อเดือน ก่อนพิจารณาว่าจะมีมาตรการออกมากระตุ้นเพิ่มเติมอีกหรือไม่ โดยกระทรวงการคลังกำลังประเมิน เช่นเดียวกับโครงการคนละครึ่ง เฟส 5 ซึ่งกำลังพิจารณาจังหวะที่เหมาะสม
"ถ้าจำเป็น ก็ต้องใช้ ก็พิจารณาจากสภาพเศรษฐกิจ ถ้ายังกระตุ้นไม่เพียงพอ การอุปโภคบริโภคยังมีไม่มากพอ หรือ สถานการณ์เรื่องสงครามยังยืดเยื้อ มีทิศทางรุนแรงมากขึ้น ก็มีความจำเป็นต้องกระตุ้นการใช้ในประเทศมากขึ้น เงินเรายังมีอยู่" นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว