ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์ฟื้นเทียบเยน,ยูโร หลัง FED ลดดบ.น้อยกว่าคาด

ข่าวต่างประเทศ Wednesday March 19, 2008 07:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ภาวะการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (18 มี.ค.) ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปิดตลาดแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและเงินเยน หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.75% ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับดอกเบี้ยลง 1.00% นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับปัจจัยหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดของเลห์แมน บราเธอร์ส และโกลด์แมน แซคส์
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลงแตะระดับ 1.5634 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.5727 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ดอลลาร์แข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 99.760 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 97.390 เยน/ดอลลาร์ และแข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 1.0018 ฟรังซ์สวิส/ดอลลาร์ จากระดับ 0.9843 ฟรังซ์/ดอลลาร์
ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์แข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 0.8072 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.8000 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 0.9270 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.9208 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย
คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดมีมติลดอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้น (fed funds rate) ลงอีก 0.75% สู่ระดับ 2.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2547 และปรับลดอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน (discount rate) ลงอีก 0.75% สู่ระดับ 2.5%
เดวิด กิลมอร์ นักวิเคราะห์จากฟอเรนจ์ เอ็กซ์เชนจ์ อนาไลติกกล่าวว่า "โดยปกติแล้วทุกครั้งที่เฟดประกาศลดอัตราดอกบี้ยจะทำให้ดอลลาร์อ่อนตัวลง ซึ่งการลดดอกเบี้ยครั้งล่าสุดก็ทำให้ดอลลาร์อ่อนตัวลงในระยะแรกๆ แต่ต่อมาดอลลาร์ฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อนักลงทุนตระหนักว่า เฟดลดดอกเบี้ยลงเพียง 0.75% ไม่ใช่ 1.00% ตามที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้"
"ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์แทบจะทุกสำนักคาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยลงถึง 1.00% หลังจากเกิดภาวะตื่นตระหนกในตลาดการเงิน ซึ่งเป็นผลมาจากการที่วาณิชธนกิจแบร์ สเติร์นส์ ขาดสภาพคล่องอย่างหนักจนต้องขอกู้เงินฉุกเฉินจากเฟดสาขานิวยอร์ก และต้องขายกิจการให้เจพีมอร์แกนในที่สุด" กิลมอร์กล่าว
นักลงทุนตอบรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดของ 2 วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐ โดยโกลด์แมน แซคส์ เปิดเผยว่า กำไรสุทธิในไตรมาสแรกของปี 2551 อยู่ที่ 1.47 พันล้านดอลลาร์ หรือ 3.32 ดอลลาร์ต่อหุ้น เปรียบเทียบกับกำไร 3.15 พันล้าน หรือ 6.67 ดอลลาร์ต่อหุ้นในปีก่อนหน้านี้ ซึ่งตัวเลขที่มีการเปิดเผยล่าสุดนี้อยู่เหนือการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์จากโพลล์ของธอมสัน ไฟแนนเชียล ที่คาดว่ากำไรสุทธิของโกลด์แมน แซคส์ น่าจะอยู่ที่ 2.58 ดอลลาร์ต่อหุ้น
ขณะที่เลห์แมน บราเธอร์ส เปิดเผยว่า กำไรไตรมาสแรกของบริษัทมีอยู่ทั้งสิ้น 489 ล้านดอลลาร์ หรือ 81 เซนต์ต่อหุ้น เปรียบเทียบกับกำไรปีก่อนหน้านี้ที่ระดับ 1.15 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.96 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งตัวเลขที่มีการเปิดเผยล่าสุดอยู่เหนือการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์จากโพลล์ธอมสัน ไฟแนนเชียล ที่คาดว่ากำไรของเลห์แมน บราเธอร์ส น่าจะอยู่ที่ 72 เซนต์ต่อหุ้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ