นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการหารือทวิภาคีระหว่างพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กับนายคิชิดะ ฟูมิโอะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ในระหว่างการประชุม International Conference on the Future ๐f Asia (Nikkei Forum) ครั้งที่ 27 ว่า ทั้งสองฝ่ายยินดีที่จะร่วมมือกับถึงแนวคิด Asia Zero-Emissions Community ซึ่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้เสนอในการเยือนไทยอย่างเป็นทางการ โดยไทยยินดีที่จะร่วมมือกับฝ่ายญี่ปุ่นภายใต้แนวคิดดังกล่าวเพื่อสร้างสังคมที่ปลอดคาร์บอน สอดคล้องกับเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนของทั้งไทยและญี่ปุ่น และนโยบายเศรษฐกิจ BCG และยุทธศาสตร์การเติบโตสีเขียวของญี่ปุ่น ไทยจึงพร้อมดำเนินการกับญี่ปุ่นเพื่อขับเคลื่อนข้อริเริ่มนี้ให้บรรลุผลที่เป็นรูปธรรมต่อไป
ด้านการท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรียินดีที่รัฐบาลญี่ปุ่นได้เลือกไทยเป็น 1 ใน 4 ประเทศเป้าหมายที่จะทดลองเปิดรับนักท่องเที่ยวกลุ่มเล็กเดินทางเข้าญี่ปุ่น เพิ่มเติมจากการเปิดรับนักธุรกิจ นักศึกษา และแรงงานทักษะจากไทยในช่วงก่อนหน้านี้ และกล่าวเชิญชวนให้ชาวญี่ปุ่นเดินทางมาท่องเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นยินดีที่ไทยและญี่ปุ่นจะได้ส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวให้แน่นแฟ้นมากขึ้น
ความร่วมมือภายใต้กรอบอาเซียน ไทยในฐานะประเทศผู้ประสานงานความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่น ในปี 64-67 พร้อมต่อยอดแนวทางความร่วมมือเพื่อส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างอาเซียนกับญี่ปุ่นในทุกมิติ ซึ่งนายกรัฐมนตรีไทยและญี่ปุ่นต่างยินดีอย่างยิ่งที่ญี่ปุ่นมีบทบาทในภูมิภาค โดยญี่ปุ่นพร้อมร่วมมือกับอาเซียนอย่างสร้างสรรค์และเอื้อประโยชน์ระหว่างกัน เพื่อนำไปสู่การฟื้นฟูที่เข้มแข็งและยั่งยืนของภูมิภาค โดยเฉพาะต่อการฟื้นตัวจากโควิด-19 การรักษาห่วงโซ่อุปทาน การส่งเสริมความเชื่อมโยงในภูมิภาคและความเชื่อมโยงระหว่างประชาชน และความร่วมมือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน
สำหรับความร่วมมือภายใต้กรอบเอเปค นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยพร้อมต้อนรับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น และสมาชิกเอเปคในโอกาสการเยือนไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมเอเปคในเดือนพฤศจิกายนนี้ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นกล่าวสนับสนุนการเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทย และชื่นชมนโยบาย BCG ของไทย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการเติบโตสีเขียว และเกษตรอัจฉริยะของญี่ปุ่น
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือถึงสถานการณ์ในภูมิภาคและสถานการณ์โลกอย่างสร้างสรรค์ โดยต่างเห็นพ้องในการให้ความสำคัญในการดำเนินความร่วมมือประชาคมระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบด้านมนุษยธรรม ทั้งในสถานการณ์ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน และในเมียนมา โดยฝ่ายญี่ปุ่นกล่าวเห็นความพยายามของประเทศสมาชิกอาเซียนในความร่วมมือเรื่องเมียนมา และชื่นชมไทยในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่เมียนมาอย่างเต็มความสามารถ ทั้งนี้ ต่างสนับสนุนความพยายามของทุกฝ่ายในการหาทางยุติสถานการณ์ให้กลับคืนสู่ภาวะปกติและสงบสุขโดยเร็ว