ภาวะตลาดเงินบาท: เย็นนี้ 34.07 แข็งค่าจากช่วงเช้ารับเม็ดเงินไหลเข้าตลาดหุ้น-พันธบัตรหนุน

ข่าวเศรษฐกิจ Monday May 30, 2022 16:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเย็นนี้อยู่ที่ 34.07 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าเล็กน้อยจากเปิด ตลาดเมื่อเช้าอยู่ที่ระดับ 34.10 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับภูมิภาคที่แข็งค่า โดยระหว่างวันยังไร้ปัจจัยใหม่ อย่างไรก็ดี วันนี้มีนักลงทุนต่างชาติเข้า ซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร และคาดว่าอาจมาจากตลาดหุ้นที่ขึ้นจำนวนมาก ระหว่างวันเคลื่อนไหวในกรอบ 34.05 - 34.12 บาท/ดอลลาร์

สำหรับคืนนี้ยังไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ เนื่องจากหน่วยราชการและตลาดการเงินสหรัฐปิดทำการ เนื่องในวัน Memorial Day

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 34.00 - 34.20 บาท/ดอลลาร์

ล่าสุด THAI BATH SPOT RATE FIXING อยู่ที่ระดับ 34.0631 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 127.30 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 127.13 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0760 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.0730 ดอลลาร์/ยูโร
  • ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) มีมติให้ปรับขึ้นราคาน้ำดีเซลลิตรละ 1 บาท ส่งผลให้ราคา
ขายปลีกดีเซลปรับจากลิตรละ 31.94 บาท เป็นลิตรละ32.94 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม 65 เป็นต้นไป
  • ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือน เม.ย. 65 อยู่ที่ระดับ 91.79 ขยายตัว 0.56% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี
ก่อน (YoY) ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 ส่งผลให้ช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-เม.ย.) ขยายตัวเฉลี่ย 1.37% หลัง
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศคลี่คลายลงจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมต่างๆ ตามลำดับ ส่งผลให้การ
บริโภคในประเทศปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมมีแนวโน้มขยายตัว
เพิ่มขึ้น จากการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมที่เติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินค้าอุตสาหกรรมทางการเกษตร
  • กระทรวงการคลัง เตรียมเปิดจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ รุ่นออมเพิ่มสุข ปีงบประมาณ 2565 วงเงิน 55,000 ล้านบาท
ผ่าน 2 ช่องทาง คือ การจำหน่ายผ่านวอลเล็ต สบม. (สะสมบอนด์มั่งคั่ง) บนแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง วงเงิน 10,000 ล้านบาท และการ
จำหน่ายผ่าน 4 ธนาคารตัวแทน คือ ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารไทยพาณิย์ และธนาคารกสิกรไทย วงเงิน 45,000
ล้านบาท
  • ผอ.สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ระบุว่า หากสิ้นปีงบประมาณ 2565 ทุกหน่วยงานสามารถกู้เงินได้ตามแผนคาด
ว่าสัดส่วนหนี้สาธารณะของประเทศ จะอยู่ที่ 61.46% ต่อจีดีพี ซึ่งลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 62.76% ต่อจีดีพี เนื่องจากมีการปรับลดคาด
การณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจลงมา ซึ่งเป็นไปได้ที่หนี้จะลดลงกว่าคาดการณ์ เพราะหน่วยงานอาจจะกู้เงินไม่ได้ตามแผน

ส่วนปีงบประมาณ 2566 คาดการณ์ว่าหนี้สาธารณะจะอยู่ที่ระดับ 62.47% ค่อย ๆ ทยอยปรับขึ้น ไม่ได้เพิ่มขึ้นแบบเร่ง ตัว เนื่องจากไม่มีกฎหมายกู้เงินพิเศษใหญ่ ๆ ออกมาแล้ว

  • สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เผยภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนเมษายน 2565 ได้รับปัจจัยสนับสนุน
จากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการส่งออก ภาคการท่องเที่ยว และภาคเกษตร อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามสถานการณ์ความ
ขัดแย้งระหว่างประเทศรัสเซียและยูเครนที่ส่งผลต่อระดับราคาพลังงาน ต้นทุนการผลิต และค่าครองชีพอย่างใกล้ชิด
  • กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ยืนยันไทยยังไม่พบผู้ป่วยโรคฝีดาษวานร (ฝีดาษลิง) ส่วนผู้สัมผัสผู้ป่วยที่เดินทางมา
เปลี่ยนเครื่องที่ไทย 12 ราย ยังเฝ้าระวังต่อเนื่อง ขณะที่ผู้เข้าข่ายสงสัย 5 คน ที่ จ.ภูเก็ต ผลตรวจพบเป็นโรคเริม ชนิดติดต่อทางผิว
หนัง
  • องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยว่า โรคฝีดาษวานร (ฝีดาษลิง) มีความเสี่ยงต่อระบบสาธารณสุขทั่วโลกอยู่ในระดับ
ปานกลาง หลังจากมีรายงานพบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงในประเทศที่ปกติไม่ค่อยพบการระบาด ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 26 พ.ค. 65 มีผู้ติดเชื้อฝีดาษ
ลิงแล้ว 257 ราย และเข้าข่ายสงสัยว่าจะติดเชื้ออีก 120 ราย ใน 23 ประเทศ และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต
  • ราคาบิตคอยน์ดีดตัวขึ้นเกือบ 5% และกลับมายืนเหนือระดับ 30,000 ดอลลาร์ได้อีกครั้งในช่วงบ่ายวันนี้ เนื่องจากนักลงทุน
ช้อนซื้อหลังจากราคาร่วงลงหลุดจากระดับ 30,000 ดอลลาร์เป็นเวลานานหลายวัน โดย ณ เวลา 14.13 น.ตามเวลาไทย ราคาบิต
คอยน์พุ่งขึ้น 1,443 ดอลลาร์ หรือ +4.95% แตะที่ 30,605 ดอลลาร์
  • ผลสำรวจที่จัดทำโดยธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) พบว่า นักการเงินเกาหลีใต้ส่วนใหญ่ ระบุว่าแรงกดดันเงินเฟ้อเป็น
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่สุดต่อระบบการเงินของเกาหลีใต้ โดยแรงกดดันเงินเฟ้อนั้นเกิดจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้นและภาวะชะงักงันด้านห่วง
โซ่อุปทานทั่วโลก
  • สภาส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของจีน (CCPIT) เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทซึ่งลงทุนโดยต่างชาติ (FIE) ในจีนมองว่า
สภาพแวดล้อมทางธุรกิจของจีนยังคงมีแนวโน้มที่ดี โดยบริษัทส่วนใหญ่ยังคงรักษาระดับหรือขยายขนาดธุรกิจได้ในไตรมาสแรก

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ