นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) เปิดเผยว่า ช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เริ่มมีสัญญาณซื้อทองคำกลับเข้าพอร์ตในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย แม้ว่าช่วงก่อนหน้านั้นจะมีการเคลื่อนไหวแกว่งตัวตามภาวะลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ อีกทั้งก่อนหน้านี้ราคาทองได้ปรับตัวขึ้นไปค่อนข้างมาก จึงทำให้เกิดแรงขายทำกำไรออกมา อย่างไรก็ดีในช่วงท้ายเดือนพฤษภาคมเริ่มมีสัญญาณซื้อเข้ามาทั้งฝั่งนักลงทุนทั่วไป และฝั่งสถาบันเช่นกองทุน SPDR ก็เริ่มกลับเข้ามาซื้อทองคำ หลังจากที่ทำการขายออกในเดือนเมษายน
ทั้งนี้ ราคาทองคำที่มีสัญญาณฟื้นตัวแม้ว่าจะมีปัจจัยลบจากการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในช่วงเดือน มิถุนายน-กรกฎาคม ที่เฟดมีสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง แต่นักลงทุนยังคาดอีกว่าหลังจากนั้น ในเดือนกันยายนเป็นต้นไป เฟดอาจจะลดความร้อนแรงในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะหากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบรุนแรงต่อเนื่องอาจส่งผลกระทบต่อภาระเงินกู้ของสหรัฐที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเช่นกัน ขณะเดียวกันการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอัตราที่สามารถทำได้ก็ไม่อาจสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นในปัจจุบันให้ปรับลดลงมาในระดับที่ต้องการได้ ดังนั้นนักลงทุนจึงมีความกังวลและยังให้น้ำหนักการลงทุนกับทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
สำหรับคำแนะนำนักลงทุนในช่วงนี้ มองว่าราคาทองคำมีโอกาสเคลื่อนไหวไปที่แนวต้าน 1,869 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากผ่านได้จะไปที่แนวต้านถัดไปที่ 1,909 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนแนวรับมองที่ 1,847 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และแนวรับถัดไปที่ 1,836 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับทองคำในประเทศมองกรอบการเคลื่อนไหวที่ 29,650 - 30,850 บาทต่อบาททองคำ
นางพวรรณ์ กล่าวว่า วายแอลจี มองว่าปีนี้ราคาทองคำจะยังทรงตัวในระดับสูงเช่นปีที่แล้ว แม้ว่าระหว่างทางจะมีการปรับฐานเพื่อทำกำไร แต่ปัจจัยสนับสนุนที่ยังคงมีอยู่โดยเฉพาะเรื่องเงินเฟ้อ ก็จะทำให้ปีนี้ทองคำยังทรงตัวในระดับสูงต่อไป อย่างไรก็ดี วายแอลจี คงคำแนะนำให้นักลงทุนมีทองคำในพอร์ตลงทุนที่ 5-15% ของพอร์ต