พาณิชย์ไม่ห้ามส่งออก-เคลื่อนย้ายหมู หันคุมปุ๋ย-อาหารสัตว์-น้ำมันพืช

          นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ(กกร.)มีมติให้ผู้ผลิตลูกหมูส่งออกลูกหมูได้โดยเสรีตามปกติ แต่ต้องแสดงหลักฐานการส่งออกอย่างชัดเจน ทั้งใบรับรองฟาร์ม ใบอนุญาตการส่งออก ใบอนุญาตการเคลื่อนย้าย เป็นต้น ไม่ใช่ลักลอบส่งออกเหมือนที่ผ่านมา โดยกระทรวงพาณิชย์จะติดตามข้อมูลการส่งออกอย่างใกล้ชิด หากพบว่าปริมาณในประเทศมีแนวโน้มขาดแคลนจะกำหนดมาตรการขั้นเด็ดขาดแก้ปัญหาทันที 
          "กระทรวงพาณิชย์จะยังไม่ออกประกาศต้องขออนุญาตเคลื่อนย้ายลูกหมูไปยัง 26 จังหวัดตามแนวชายแดน และไม่ห้ามส่งออก ยังให้ส่งออกได้ตามปกติ เพียงแต่ขอร้องให้แสดงหลักฐานการส่งออกอย่างชัดเจนตามกฎหมาย อย่าลักลอบเหมือนที่ผ่านมา ทั้งนี้เพราะปริมาณหมูยังเข้าสู่ตลาดตามปกติ และยังไม่ขาดแคลน แต่กระทรวงพาณิชย์ยังยืนยันที่จะแก้ปัญหาหมูทั้งระบบ รวมถึงรื้อโครงสร้าง" นายมิ่งขวัญ กล่าว
          ทั้งนี้มีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดภาวะหมูขาดแคลนในประเทศ เพราะแนวโน้มการส่งออกเพิ่มขึ้นมาก โดยปีที่ผ่านมามีการส่งออก97,551 ตัว แต่ในเดือน ม.ค.51 เพียงเดือนเดียวส่งออกแล้ว 14,738 ตัว คาดเชื่อว่าปีนี้น่าจะส่งออกเกิน 100,000 ตัว ขณะที่มีปริมาณผลผลิต 14 ล้านตัว ใช้บริโภคในประเทศประมาณเดือนละกว่า 38,000 ตัว อีกทั้งผู้ผลิตยังระบุว่ามีโรคท้องร่วงระบาดในหมูจนทำให้หมูตายลงจำนวนมาก
          นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า ที่ประชุมยังมีมติให้ตั้งคณะอนุกรรมการ 3 ชุด ได้แก่ คณะอนุกรรมการพิจารณาราคาปุ๋ยเคมี คณะอนุกรรมการพิจารณาราคาอาหารสัตว์ และคณะอนุกรรมการพิจารณาราคาน้ำมันพืชบริโภค เพื่อประเมินสถานการณ์การนำเข้า การผลิต และการค้าจนถึงมือผู้ใช้ รวมถึงกำหนดราคาแนะนำขายสินค้าทั้ง 3 รายการ เพื่อให้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย คาดว่าภายใน 3 สัปดาห์จะออกราคาแนะนำขายได้