นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้าร.ฟ.ท. จำกัด (ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง) เปิดเผยว่า หลังจากรถไฟชานเมืองสายสีแดงเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ เป็นระยะเวลา 6 เดือน จำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลล่าสุด วันที่ 27 พ.ค. 65 จำนวนผู้โดยสารทำสถิติสูงสุดที่วันละ 14,120 คน ขณะที่ช่วงแรกที่เปิดบริการ มีผู้โดยสารประมาณวันละ 2,000-3,000 คน พร้อมคาดว่าภายในปี 2565 จะมีผู้โดยสารรถไฟสายสีแดงเพิ่มขึ้นเป็น 25,000-30,000 คนต่อวัน และจะเติบโตเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 10% ต่อปี
ทั้งนี้ หลังจากที่รัฐบาลได้ยกเลิกมาตรการ Test & Go ไปเมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา มีส่วนทำให้จำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะที่สถานีดอนเมือง ที่มีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 2 แล้วรองจากสถานีกลางบางซื่อ
"รถไฟสายสีแดง เชื่อมต่อการเดินทางกับสนามบินดอนเมือง ซึ่งรองรับและเหมาะกับการเดินทางในประเทศที่มีสัมภาระไม่มาก สามารถเดินทางได้อย่างสะดวกด้วยค่าโดยสารที่ต่ำ" นายสุเทพ กล่าว
พร้อมระบุว่า ปัจจุบันค่าโดยสารรถไฟสายสีแดงถือว่ามีอัตราถูกที่สุด โดยอัตรา 12-42 บาทต่อระยะทาง 42 กม. เฉลี่ย กม.ละ 1 บาทกว่า แต่หากใช้ตั๋วรายเดือนจะเหลือเฉลี่ยเที่ยวละประมาณ 25 บาท หรือ คิดเป็น 0.60 บาทต่อกม.เท่านั้น ซึ่งเป็นการดำเนินการด้านค่าโดยสารตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม เพื่อช่วยเหลือลดค่าครองชีพให้ประชาชน
อย่างไรก็ดี จากที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้เปิดเดินรถไฟดีเซลเป็นฟีดเดอร์เส้นทางทางสายใต้ ระหว่างสถานีธนบุรี-ตลิ่งชัน-นครปฐม สามารถเดินทางเข้าสู่รถไฟสายสีแดงได้สะดวก โดย รฟท.ลดค่าโดยสารลง 50% คาดว่าจะกระตุ้นการเดินทางด้วยรถไฟเพิ่ม
"ในเดือน มิ.ย. สถานศึกษา มหาวิทยาลัยต่างๆ จะเปิดเรียนเต็มรูปแบบ ซึ่งรถไฟสายสีแดงและรถไฟดีเซลฟีดเดอร์ จะเป็นทางเลือกของนักศึกษาในการเดินทางที่สะดวกและประหยัด" นายสุเทพ กล่าว
โดยปัจจุบันรถไฟสีแดง สายเหนือ (บางซื่อ-รังสิต) ใช้รถไฟแบบรถความยาว 6 ตู้ (6 Cars Set) ให้บริการอยู่ที่ 6 ขบวน/วัน ส่วนสายตะวันตก (บางซื่อ-ตลิ่งชัน) ใช้และรถความยาว 4 ตู้ (4 Cars Set) ให้บริการอยู่ที่ 3 ขบวน/วัน จากจำนวนรถที่มีทั้งหมด 25 ขบวน ดังนั้นหากจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น สามารถนำรถออกมาวิ่งให้บริการรองรับได้อย่างเพียงพอ