มอร์แกน สแตนลีย์ เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาสแรกในปี 2551 อยู่ที่ 1.55 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.45 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งปรับตัวลดลงจากระดับในปีที่ผ่านมาที่ 2.31 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 2.17 ดอลลาร์ต่อหุ้น
โดยรายได้ของบริษัทในไตรมาสล่าสุดปรับตัวลดลง 17% แตะที่ 8.32 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจากระดับ 9.99 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา แต่ตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์จากโพลล์ของสำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลคาดว่าจะอยู่ที่ 1.03 ดอลลาร์ต่อหุ้น หรือ 7.19 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ บริษัทได้แต่งตั้งให้เคน เดอเรกท์ ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านความเสี่ยง หลังจากที่เขาได้ร่วมงานกับมอร์แกน สแตนลีย์ในฐานะกรรมการบริหารของบริษัทเมื่อเดือนก.พ. โดยเขาจะยังคงนั่งแท่นกรรมการบริหารต่อไปโดยจะขึ้นตรงกับจอห์น แมค ซีอีโอของบริษัท
แมคระบุในแถลงการณ์ว่า "แม้ว่าตลาดจะเผชิญความผันผวน แต่มอร์แกน สแตนลีย์มีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในทุกภาคธุรกิจในไตรมาสนี้ซึ่งส่งผลให้อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นอยู่ที่ระดับ 20% และเราจะยังเดินหน้าใช้กลยุทธ์ที่สำคัญเพื่อผลักดันให้บริษัทขยายตัวอย่างรวดเร็วในปี 2551"
เขากล่าวต่อว่า "เรามีผลประกอบการที่แข็งแกร่งในหุ้นทุกกลุ่มและมีรายได้จากการออกตราสารหนี้รวมถึงธุรกิจการค้าในไตรมาสนี้ เนื่องจากเราสามารถคว้าโอกาสในตลาดได้อย่างเต็มที่และมีการบริหารองค์กรในเชิงรุก"
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า สินทรัพย์ที่อยู่ในการดูแลของมอร์แกน สแตนลีย์ ณ วันที่ 29 ก.พ.นั้นมีมูลค่าอยู่ที่ 5.77 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้น 11% จากปีที่ผ่านมา ขณะที่ทรัพย์สินโดยรวมของบริษัทมีมูลค่า 1.982 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงสิ้นสุดไตรมาสดังกล่าว
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--