นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 34.55 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าจาก ปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 34.52 บาท/ดอลลาร์ โดยเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับตลาดโลก เนื่องจากดอลลาร์แข็งค่าหลังได้รับปัจจัยกด ดันจากอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น และราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นแตะ 122 ดอลลาร์/บาร์เรล ทำให้นักลงทุนกลับมา กังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อและทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่วนมติ กนง.ที่ออกมาไม่มีผลต่อตลาดมากนัก
"บาทอ่อนค่าต่อเนื่องตามทิศทางตลาดโลก เนื่องจากดอลลาร์แข็งค่าตามบอนด์ยีลด์ที่ปรับตัวสูงขึ้นและราคาน้ำมันสูงเกิน 122 ดอลลาร์ฯ ทำให้ตลาดกังวลเรื่องเงินเฟ้อและทิศทางดอกเบี้ย" นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 34.45 - 34.60 บาท/ดอลลาร์
THAI BAHT FIX 3M (8 มิ.ย.) อยู่ที่ระดับ 0.45101% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.83464%
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 134.42 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานที่ระดับ 133.80 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0709 ดอลลาร์/ยูโร เท่ากับเย็นวานที่ระดับ 1.0712 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 34.482 บาท/ดอลลาร์
- รมว.คลัง กล่าวว่า แม้ว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีมติไม่เป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้
ที่ 0.50% ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ยังบอกไม่ได้ว่าครั้งนี้มติไม่เป็นเอกฉันท์ แล้วการประชุมครั้งหน้าจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ยังต้องติดตาม
สถานการณ์ ณ เวลานั้น ๆ อย่างใกล้ชิด ที่สำคัญคือจะต้องดูการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศเป็นหลัก
- "คมนาคม" กางแผนความคืบหน้าโครงการรถไฟทางคู่ ลุยเติมโครงข่ายระบบรางทั่วประเทศไทย เตรียมพร้อมขออนุมัติ
ครม.เดินเครื่องสร้างเฟส 2 เพิ่มอีก 3 เส้นทาง ปักหมุดเปิดให้บริการวิ่งระหว่างเมืองเฟสแรกครบ 4 เส้นทางภายในปี 2566
- ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จะหารือร่วมกับผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยว เพื่อสอบถามว่าต้องการให้
รัฐบาลอำนวยความสะดวกในเรื่องใดเพิ่มเติม เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุม ศบค. ในวันที่ 17 มิ.ย.นี้ ขณะเดียวกัน ททท. ยังได้เป็นเจ้าภาพ
จัดงานไทยแลนด์ ทราเวลมาร์ท พลัส 2022 หรือทีทีเอ็มพลัส 2022 วันที่ 8-10 มิ.ย.นี้ ที่โรงแรมอังสนา ลากูน่า จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นงาน
ส่งเสริมการขายด้านการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
- ธนาคารทหารไทยธนชาต ร่วมลงนามกับบรรษัทเงินทุนระหว่างประเทศหรือไอเอฟซี ออกตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืนทาง
ทะเล (ตราสารหนี้สีฟ้า) อายุ 5 ปี มีแผนออกในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ โดยไอเอฟซี เป็นผู้ลงทุนมูลค่าไม่เกิน 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือ
1,700 ล้านบาท ถือเป็นธนาคารพาณิชย์ไทยแห่งแรกที่ออกตราสารประเภทนี้ เพื่อเพิ่มช่องทางใหม่ในการรวบรวมเงินทุนจากนักลงทุนที่
ตระหนักและใส่ใจปัญหาสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมให้เกิดการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล และการทำประมง อย่างยั่งยืน
- ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนจากผลสำรวจเดือน พ.ค.65 พบว่า ดัชนีความ
เชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 83.91 ปรับตัวลดลง 12.1% จากเดือนก่อนหน้า โดยอยู่ในเกณฑ์ "ทรงตัว" ต่อเนื่อง
เป็นเดือนที่ 5 นักลงทุนมองว่าการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวจะเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นการลงทุนมากที่สุด รองลงมาคือการฟื้นตัวของ
เศรษฐกิจในประเทศและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน ส่วนปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนลงมากที่สุด ได้แก่ นโยบายการขึ้นอัตรา
ดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) รองลงมาคือ ความกังวลต่อสถานการณ์ Covid-19 ที่อาจระบาดอีกครั้งหลังรัฐบาลเปิดประเทศ
และความกังวลต่อความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน
- ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (8 มิ.ย.) หลัง
จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งขึ้นทะลุระดับ 3% ขณะที่ยูโรแข็งค่าขานรับการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) อาจ
จะส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันนี้
- นักลงทุนคาดการณ์ว่า ECB จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนก.ค. ก่อนที่จะปรับขึ้นอีก 0.50% ในเดือนก.ย.
หลังจากที่มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
- ประธาน ECB กล่าวว่า ECB มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ค. และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากจะมีค่าเป็นบวกใน
ช่วงสิ้นสุดไตรมาส 3 จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ -0.50%
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่สองในวันพุธ (8 มิ.ย.) เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ
ถดถอยในสหรัฐยังคงเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในวัน
ศุกร์นี้
- นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ค.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า
ดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค จะเพิ่มขึ้น 8.2% ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนเม.ย.ที่ขยายตัว 8.3%
- นักลงทุนยังจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 14-15 มิ.ย. โดยคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตรา
ดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมดังกล่าว รวมทั้งในการประชุมเดือนก.ค.เพื่อสกัดเงินเฟ้อ