ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือนพ.ค.65 อยู่ที่ระดับ 40.2 ลดลงจากเดือนเม.ย.65 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 40.7
ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม อยู่ที่ 34.3, ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสการหางานทำ อยู่ที่ 37.8 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 48.5
โดยมีปัจจัยลบ ได้แก่
- ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นเดือนแรกหลังจากที่รัฐบาลได้ตรึงราคาไว้
- สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ รายงานตัวเลข GDP ในไตรมาส 1/65 ขยายตัว 2.2% และได้ปรับคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจไทยปี 65 จากเดิม 3.5-4.5% เหลือ 2.5-3.5% โดยมีค่ากลาง 3% เนื่องจากเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งรัสเซียกับยูเครนทำให้ราคาพลังงานโลกสูง ส่งผลมายังราคาสินค้าไทยปรับขึ้นและเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น
- ผู้บริโภคยังกังวลปัญหาค่าครองชีพและราคาสินค้าที่ทรงตัวในระดับสูง รวมถึงรายได้ที่ไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น
- ความวิตกกังวลต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ยังเกิดขึ้นทั่งประเทศ ยังคงส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน การทำธุรกิจ และภาวะเศรษฐกิจของประเทศในอนาคตโดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยวและบริการต่างๆ
- ดัชนี SET เดือนพ.ค. 65 ปรับตัวลดลง 4.03 จุด โดยปรับลดลงจาก 1,667.44 จุด ณ สิ้นเดือนเม.ย.เป็น 1,663.41 จุด
- เงินบาทปรับตัวอ่อนค่าเล็กน้อย
ขณะที่ปัจจัยบวกได้แก่
- ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าประเทศ โดยยกเลิกการกักตัวทุกรุปแบบ สำหรับคนไทยไม่ต้องลงทะเบียน Thailand Pass รวมทั้งผ่อนคลายสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ กลับมาเปิดบริการได้ในพื้นที่เฝ้าระวัง (สีเขียว) และพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว (สีฟ้า)
- การฉีดวัคซีนทั่วโลกและในประเทศเป็นรูปธรรมากขึ้น ทำให้ประชาชนคลายกังวล รวมทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง
- การส่งออกในเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 9.90% ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้น 21.49% ส่งผลให้ดุลการค้าขาดดุล 1,908 ล้านเหรียญสรอ.
- ราคาพืชผลทางการเกษตรหลายรายการปรับตัวดีขึ้นหรือส่งตัวในระดับที่ดี โดยเฉพาะ ข้าว ปาล์มน้ำมัน ยางพารา มันสำปะหลัง และข้าวโพดเลี้ยวสัตว์ ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้สูงขึ้น ทำให้กำลังซื้อในต่างจังหวัดปรับตัวดีขึ้น