นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 34.80 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจาก ช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 34.78 บาท/ดอลลาร์
วันนี้เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 34.75 - 34.86 บาท/ดอลลาร์ ยังมีทิศทางอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ เช่นเดียวกับค่า เงินสกุลเงินอื่นในภูมิภาค โดยช่วงเช้าเงินบาทค่อนข้างอ่อนค่าไปมาก แต่ระหว่างวันมีแรงขายดอลลาร์ เงินบาทจึงแข็งค่าขึ้นมาเล็กน้อย ซึ่งช่วงนี้ ปัจจัยหลักที่ตลาดจับตาคือ การประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รวมทั้งสถานการณ์เงิน เฟ้อ
"ตลาดรอดูดอกเบี้ยเฟด เงินเฟ้อ รวมทั้งดูทิศทางตลาดหุ้นและบอนด์ยิลสหรัฐ" นักบริหารเงิน ระบุ
นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 34.70 - 34.90 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 134.59 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 134.80 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0460 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0484 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,600.06 จุด ลดลง 32.56 จุด (-1.99%) มูลค่าการซื้อขาย 73,467 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 2,703.09 ลบ. (SET+MAI)
- รมว.คลัง ระบุว่า แบงก์ชาติได้เคยชี้แจงหลายครั้งแล้วว่าไทยไม่ได้เป็นประเทศที่ manipulate ค่าเงิน หลังจากที่
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ยังคงขึ้นบัญชีให้ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดในเรื่องการบิดเบือนค่าเงินเพื่อผลประโยชน์
ทางการค้า โดยรมว.คลัง ยืนยันว่า เรื่องค่าเงินต้องให้เป็นไปตามกลไกตลาด และคงจะต้องมีการพิสูจน์ว่าไทยไม่ได้เข้าไป
manipulate
- ผู้ว่าการ ธปท. ชี้การปรับขึ้นดอกเบี้ยต้องดูบริบทในประเทศเป็นสำคัญ ไม่ใช่การปรับขึ้นตามธนาคารกลางของประเทศ
หลัก เพราะแต่ละประเทศย่อมมีบริบทที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ดี การขึ้นดอกเบี้ยจะต้องไม่ช้าจนเกินไป เพราะถ้าขึ้นดอกเบี้ยช้า โอกาสที่ใน
อนาคตจะต้องขึ้นดอกเบี้ยคราวละมากๆ จะมีมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ ธปท.ไม่อยากเห็นเช่นนั้น
- ผู้ว่าการ ธปท. คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะกลับไปฟื้นตัวเท่าระดับก่อนเกิดโควิดได้ในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า ซึ่งอาจจะช้า
กว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค เนื่องจากไทยพึ่งพาการท่องเที่ยวค่อนข้างมาก อย่างไรก็ดี แม้หลายคนจะมองว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ไม่ทั่ว
ถึง หรือยังไม่เทียบเท่ากับที่เคยเติบโต แต่ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะไม่ฟื้นตัวก็มีน้อยลง
- ธนาคารกรุงศรีอยุธยา คาดการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) รอบหน้า (10 ส.ค.) มีโอกาสสูงที่ กน
ง.จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย หลังจากที่การประชุมในเดือนมิ.ย. กนง.แสดงความกังวลต่อแรงกดดันด้านราคาในวงกว้างมากขึ้น ควบคู่ไป
กับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายที่มีความจำเป็นลดลงในระยะข้างหน้า
- สมาชิกสภานิติบัญญัติของสหรัฐจากทั้ง 2 พรรคเรียกร้องให้ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ผลักดันการขยายเวลาเลื่อนเก็บ
ภาษีการค้าดิจิทัลที่มีมานับตั้งแต่ปี 2541 ในการประชุมองค์การการค้าโลก (WTO) ในสัปดาห์นี้
- นักกลยุทธ์ปริวรรตเงินตราระดับอาวุโสจากบริษัทไดวะ ซีเคียวริตี้ระบุว่า นักลงทุนวิตกกังวลว่าเฟดอาจปรับขึ้นอัตรา
ดอกเบี้ย 0.75% เมื่อเทียบกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเมื่อต้นเดือนพ.ค. ซึ่งเน้นย้ำให้เห็นถึงความแตกต่างด้าน
นโยบายการเงินของญี่ปุ่นและสหรัฐมากยิ่งขึ้น
- ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ระบุว่า การอ่อนค่าอย่างหนักของเงินเยน กำลังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น โดยทำ
ให้แนวโน้มเศรษฐกิจเผชิญกับความไม่แน่นอน และทำให้บริษัทเอกชนมีความยากลำบากในการวางแผนธุรกิจ ซึ่งการแสดงความเห็นของผู้ว่า
การ BOJ มีขึ้นหลังจากเงินเยนร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 23 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
- หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเตือนว่า ญี่ปุ่นมีความกังวลเกี่ยวกับค่าเงินเยนที่ร่วงลงอย่างหนักและพร้อมรับมืออย่าง
เหมาะสมตามความจำเป็น
- Celsius Networks ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มปล่อยกู้คริปโทเคอร์เรนซีที่ใหญ่ที่สุดในโลก ประกาศระงับการให้บริการด้านการถ
อน, การแลกเปลี่ยน และการโอนระหว่างบัญชีทั้งหมดเป็นชั่วคราว เนื่องจากภาวะตลาดคริปโทเคอร์เรนซีในขณะนี้มีความผันผวนที่รุนแรง