นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุมุมมองภายหลังที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.75% สู่ระดับ 1.50-1.75% เป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากที่สุดในคราวเดียวในรอบ 28 ปี นับตั้งแต่ปี 1994 และยังส่งสัญญาณปรับขึ้นอีก 0.75% ในการประชุมเดือนหน้า ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกต่อตลาด เพราะที่ผ่านมา นักลงทุนเรียกร้องให้นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ใช้มาตรการที่จริงจังในการสกัดเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง
พร้อมกันนี้ ยังคงให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) วันนี้ที่คาดจะมีการขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 5 อีก 0.25% เป็น 1.25% และธนาคารกลางยุโรป (ECB) นัดประชุมด่วน เตรียมออกเครื่องมือใหม่ เพื่อรับมือกับความผันผวนของตลาดพันธบัตร และอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Yield) ของประเทศสมาชิกที่เร่งตัวปรับสูงขึ้น ซึ่งเป็นการเตือนให้ไทยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ถึงผลกระทบที่จะตามมาด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเช่นกัน
นางนฤมล กล่าวว่า อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบทางลบ รัฐควรเตรียมมาตรการตั้งรับ เพื่อจำกัดวงความเสียหายอย่าให้ลามไปสู่อุตสาหกรรมอื่นๆ ดังนั้นอุตสาหกรรมใดที่สามารถเดินหน้าได้ ในจังหวะนี้รัฐต้องเร่งส่งเสริมเพื่อเป็นเครื่องยนต์กระบอกใหม่ในการพยุงเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น
"การที่เฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้นแรงครั้งนี้ เพื่อสกัดเงินเฟ้อ ไทยเองที่สุดจำเป็นต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยตาม เพราะต้องดูแลภาวะเงินเฟ้อที่สูงเช่นกัน แม้ว่าอาจทำให้ต้นทุนผู้ประกอบการเพิ่มขึ้นก็ตาม เพราะจำเป็นต้องวางสมดุลระหว่างเงินเฟ้อกับเศรษฐกิจ ดังนั้นจึงขอเอาใจช่วยรัฐบาล และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ที่จะหามาตรการรับมือ และสามารถผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้ด้วยกัน" นางนฤมล กล่าว