ดอลล์เคลื่อนไหวในกรอบแคบๆที่โตเกียวเช้านี้ขณะบรรยากาศซื้อขายเหงียบเหงา

          ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญที่ตลาดปริวรรตเงินตราโตเกียวเช้าวันนี้ (21 มี.ค.) ท่ามกลางบรรยากาศการซื้อขายที่เป็นไปอย่างเหงียบเหงา เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดยาวในหลายประเทศ
          สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ณ เวลา 07.55 น. ตามเวลาในประเทศไทย ค่าเงินดอลลาร์เคลื่อนไหวอยู่ที่ 99.50 เยนต่อดอลลาร์ เมื่อเทียบกับ 99.45-99.55 เยนต่อดอลลาร์ต่อตลาดนิวยอร์กคืนวานนี้ ขณะที่เงินยูโรอ่อนค่าลงมาแตะที่ 1.5406 ดอลลาร์ต่อยูโรจากระดับ 1.5424-2.5434 ดอลลาร์ต่อยูโร
          สกุลเงินดอลลาร์มีแรงซื้อมากขึ้นหลังจากที่ผลสำรวจระบุว่า กิจกรรมการผลิตในเขตฟิลาเดเฟียไม่ได้อ่อนแออย่างที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์เริ่มปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง
          โดยเฟดสาขาฟิลาเดเฟียเปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตในเดือนมี.ค.อยู่ที่ระดับ -17.4  ซึ่งกระเตื้องขึ้นมาจากระดับ -24.0 ในเดือนก.พ. ขณะที่นักวิเคราะห์จากโพลล์ของธอมสัน ไอเอฟอาร์ มาร์เก็ตคาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะอยู่ที่ -20.0 
          แม้ข้อมูลเศรษฐกิจจะออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้และช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในสหรัฐได้ก็จริง แต่ตัวเลขที่ติดลบยังคงบ่งชี้ว่าบริษัทหลายแห่งในฟิลาเดเฟียมีกิจกรรมการผลิตลดลงมากกว่าที่จะเพิ่มขึ้น
          นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าที่ตลาดนิวยอร์กยังปรับตัวลดลง 70 เซนต์ แตะที่ 101.84 ดอลลาร์ ขณะที่ราคาทองคำร่วงลง 33 ดอลลาร์หรือ 3.5% แตะที่ 912.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์
          ทากาชิ คูโดะ ผอ.จาก NTT Smarttrade กล่าวว่า "ดูเหมือนว่านักเก็งกำไรจะเริ่มถอนตัวออกจากตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ และหันมาเข้าถือครองสินทรัพย์ในรูปสกุลเงินดอลลาร์มากขึ้น"
          นอกจากนี้ จากกระแสคาดการณ์ที่ว่าเจ้าหน้าที่กำกับดูแลตลาดมีแผนที่จะขึ้นราคาซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์นั้นได้ทำให้นักลงทุนโยกย้ายเงินไปซื้อเงินดอลลาร์กันมากขึ้น ซึ่งหากความเคลื่อนไหวเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้จริง เงินยูโรและสกุลเงินในประเทศที่ร่ำรวยด้วยทรัพยากรธรรมชาติอาจอ่อนค่าลงได้
          อย่างไรก็ตาม แม้เงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน แต่ก็ยังมีโอกาสร่วงลงอย่างหนักได้เช่นกัน 
          "รายงานผลประกอบการรายไตรมาสของวาณิชธนกิจในสหรัฐที่ได้มีการเปิดเผยออกมานั้นบ่งชี้ว่า ปัญหาสินเชื่อของลูกหนี้กลุ่มซับไพรม์ยังไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดลงในเร็ววัน และเงินดอลลาร์ก็ยังมีแนวโน้มว่าจะอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน" นายคูโดะกล่าวทิ้งท้าย