นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) และคณะ ได้เดินทางเข้าหารือกับนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และคณะกรรมการฯ เพื่อหาแนวทางการขับเคลื่อนกรุงเทพมหานครผ่านการทำงานของคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน ของกรุงเทพมหานคร (กรอ.กทม.) หลังจากก่อนหน้านี้ได้ไปหารือกับหอการค้าไทยแล้ว และกำลังนัดหารือกับสมาคมธนาคารไทยต่อไป
นายเกรียงไกร กล่าวว่า ในการหารือในครั้งนี้ ส.อ.ท. ได้นำเสนอยุทธศาสตร์ 4 ด้าน ได้แก่
1. Industry Collaboration การผนึกกำลังอุตสาหกรรมไทยให้เข้มแข็ง
2. First2Next-Gen Industry ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสู่อนาคต
3. Smart SMEs ยกระดับ SMEs สู่สากล
4. Smart Service Platform พัฒนาการบริการเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมไทย ผ่านวิสัยทัศน์ "Strengthen Thai Industries for Stronger Thailand" เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้อุตสาหกรรมไทย เพื่อประเทศไทยที่เข้มแข็งกว่าเดิม
พร้อมทั้งนำเสนอแนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนากรุงเทพมหานคร B C G + E S ดังนี้
ขับเคลื่อนแนวคิด B : Bio Economy เศรษฐกิจชีวภาพ ผ่านการส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตรอัจฉริยะ (Smart Agriculture Industry : SAI) โดยการนำพื้นที่เปล่าในกรุงเทพมหานครมาใช้ประโยชน์ และสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน แต่ทั้งนี้ ยังมีข้อจำกัดที่ไม่สามารถขอใบอนุญาตโรงงานได้ เนื่องจากติดผังเมือง รวมถึงขาดมาตรการจูงใจ
การผลักดัน C : Circular Economy โดยการนำขยะหรือของเหลือใช้มาเพิ่มคุณค่า (Upcycling) เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มจากขยะ และลดขยะโดยการนำของเหลือใช้หมุนวนนำกลับมาผลิตใหม่ แต่ปัญหาคือ ขยะยังขาดการคัดแยกที่ถูกวิธี ต้นทุนการผลิตก็ยังสูง และยังขาดการส่งเสริมอย่างเป็นระบบ ซึ่งจะสามารถจัดการกับขยะในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครได้อย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การส่งเสริม G : Green โดยให้โรงงานในเขตกรุงเทพมหานคร รับรองมาตรฐานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Factory) และการเพิ่มพื้นที่สีเขียว / การสร้าง Green belt / Buffer zone เพื่อยกระดับการจัดการสิ่งแวดล้อมโรงงาน เชื่อมโยงเศรษฐกิจให้กับชุมชน และส่งเสริม Symbiosis ระหว่างโรงงานหรือระหว่างโรงงานและชุมชน ซึ่งยังต้องขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่โรงงานด้วย ซึ่งจะสามารถช่วยลดปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ไปได้ด้วย
การจัดการ E : Environment โดยเฉพาะการจัดการน้ำเสีย ปรับปรุงคลองต้นแบบในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ส่งเสริมการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ สร้างจิตสำนึกการมีส่วนร่วมในการจัดการสิ่งแวดล้อม และการนำเทคโนโลยีมาช่วยในการจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของคน กทม. ให้ดีขึ้น
การยกระดับ S : Safety & Clean Street food เรื่องการจัดการความปลอดภัยร้านอาหาร Street food, Local food ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเรื่องความปลอดภัยและสุขอนามัยในการประกอบอาหาร การสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ใช้บริการ รวมถึงการสร้างความเป็นระเบียบของสังคมกรุงเทพมหานครให้ดีขึ้น
ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ภาคเอกชนมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเมือง สร้างรายได้ และกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ดังนั้น เพื่อเป็นบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน จึงเห็นพ้องร่วมกันในการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ ของกรุงเทพมหานคร (กรอ.กทม.) คาดว่าจะนัดประชุมในเดือน ก.ค.65 เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาเมืองและสนับสนุนการพัฒนาในทุกมิติอย่างเข้มแข็ง เช่น การนำโมเดล BCG มาใช้ในขับเคลื่อนการพัฒนาเมือง การส่งเสริมโรงงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การเพิ่มพื้นที่สีเขียว ส่งเสริมให้เอกชนร่วมปลูกต้นไม้ การฟื้นฟูแม่น้ำลำคลอง การพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ผ่านโครงการ 12 เทศกาล 12 เดือน และการส่งเสริมเกษตรครบวงจรเพื่อสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน
"กรอ.กทม. จะมีการประชุมอย่างไม่เป็นทางการ เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาขยะ น้ำเสีย สิ่งแวดล้อม คิดว่า 1-2 เดือนน่าจะเห็นผลงานที่เป็นรูปธรรม นอกจากนี้ พร้อมที่จะพัฒนาระบบการให้บริการของ กทม. ให้มีประสิทธิภาพ ปรับปรุงการอนุมัติอนุญาตเป็นแบบ One Stop Service เพื่อความสะดวก รวดเร็ว และโปร่งใส ซึ่งประเด็นเหล่านี้จะถูกหยิบยกไปร่วมหารือกันในการประชุม กรอ.กทม. ต่อไป" นายชัชชาติ กล่าว