นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวว่า ปัญหาด้านการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ยกร่างขึ้นมาจากการยึดอำนาจ ซึ่งกลายเป็นปัญหาที่บั่นทอนถึงระบบเศรษฐกิจของประเทศในปัจจุบัน จึงควรมีการแก้ไขเพื่อให้การเมืองมีเสถียรภาพและนักลงทุนเกิดความมั่นใจมากขึ้น
นพ.สุรพงษ์ กล่าวยอมรับว่า ปัญหาการเมืองได้สร้างแรงกดดันทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเกิดขึ้นอย่างไรจากคดียุบพรรค ซึ่งเป็นหน้าที่ที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นแก่ประชาชนและนักลงทุน อีกทั้งการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ออกมาบอกว่าไม่มีทางเลือกในการส่งให้ศาลตัดสินกรณียุบพรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย เพราะข้อกฎหมายบังคับไว้ ทำให้มองย้อนกลับไปว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้มาจากกฎหมายที่มาจากการยึดอำนาจ
ดังนั้น เมื่อกฎหมายทำให้เกิดความไม่มั่นใจ จึงเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรต้องทบทวนและหาทางแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญ ตลอดจนกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ซึ่งทั้งประชาชน, ส.ว. และ ส.ส. สามารถเข้ามาร่วมกันเพื่อแก้ไขกฎหมายได้ แต่หากจะให้แก้ไขปัญหาได้โดยเร็วก็ต้องให้ ส.ส.เป็นฝ่ายเริ่มก่อน
ส่วนกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ออกมามีจุดประสงค์เพื่อต้องการขจัดคนทุจริตออกจากระบบการเมืองหรือไม่นั้น นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า ในระดับของพรรคการเมืองเองได้วางกรอบการรับสมาชิก และผู้บริหารพรรคไว้อยู่แล้ว แต่ยอมรับว่าคงจะทำได้ไม่ 100% และเมื่อมีกฎหมายในเรื่องการยุบพรรคและการตัดสิทธิทางการเมือง ยิ่งทำให้กฎหมายมีความเข้มข้นมากขึ้น
ทั้งนี้ ทำให้มองได้ว่าในอนาคตกรรมการบริหารพรรคการเมืองจะมีน้อยลง เพราะแกนนำพรรคจะไม่กล้าเข้ามาเป็นกรรมการบริหารพรรค อีกทั้งแม้จะเป็นพรรคที่ชนะการเลือกตั้งแต่ท้ายที่สุดแล้วนายกรัฐมนตรีจะไม่ได้มาจากหัวหน้าพรรค ซึ่งการจะวางกรอบของกฎหมายก็ควรจะดูว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศจริงหรือไม่
นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า ประเด็นเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญควรจะเห็นทิศทางได้ก่อนที่จะเดินทางไปทำโรดโชว์ที่ประเทศญี่ปุ่นปลายเดือนนี้ เพื่อจะได้ตอบคำถามกับต่างประเทศได้ โดยอาจจะมีการซาวนด์เสียงอย่างไม่เป็นทางการ
นพ.สุรพงษ์ ยังให้ความเห็นกรณีนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน(พปช.)ว่ากฎหมายควรจะลงโทษเฉพาะผู้ที่กระทำความผิดเท่านั้น ไม่ควรโยงไปถึงการยุบพรรค โดยเปรียบเทียบกับธุรกิจของเอกชนว่าถ้าผู้บริหารกระทำผิดก็ไม่จำเป็นถึงขั้นปิดบริษัท
--อินโฟเควสท์ โดย คลฦ/กษมาพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--