พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ครั้งที่ 4/2565 ว่า วันนี้มีการพิจารณาหลายเรื่องที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการพลังงานในภาพรวม ไม่เจาะจงเฉพาะราคาน้ำมันที่แพงขึ้นเท่านั้น เพื่อปรับรูปแบบการใช้พลังงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้พลังงานจากโรงไฟฟ้าถ่านหินลิกไนต์ เพื่อใช้แหล่งพลังงานอื่นมาทดแทนกรณีค่าน้ำมันและก๊าซแพงขึ้น
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่าปัญหาพลังงานไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในประเทศไทย แต่เกิดขึ้นทั่วโลก และมีหลายกลุ่ม หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นปัจจัยพลังงานที่แพงขึ้นในขณะนี้ต้องศึกษาทำความเข้าใจว่าปัญหาเกิดมาจากปัจจัยใด ทั้งปัจจัยภายใน และภายนอก โดยยืนยันว่า ทุกประเทศที่มีการนำเข้าต้นทุนพลังงานจากต่างประเทศเป็นจำนวนมากย่อมได้รับผลกระทบไปด้วย เช่นเดียวกับประเทศไทยที่ทราบกันดีว่ามีพลังงานในประเทศเท่าไร ทั้งทางบก ทางทะเล ซึ่งรัฐบาลพยายามหาแหล่งพลังงานเพิ่มเติมมาทดแทนและแก้ปัญหาในอนาคตอย่างยั่งยืน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งสำคัญต้องยึดหลัก 3 ประการ คือ ดูแลความมั่นคงเสถียรภาพพลังงานไม่ให้เกิดการขาดแคลน, ให้การประกอบธุรกิจและเศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้, ดูแลค่าราคาพลังงานไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนมากจนเกินไป โดยเฉพาะราคาน้ำมันดีเซลและก๊าซหุงต้ม ซึ่งมีผลกระทบต่อค่าครองชีพในวงกว้าง
อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้ราคาน้ำมันในประเทศไทยเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ยังต่ำอยู่ลำดับ 7-8 จาก 10 ประเทศในอาเซียน และสุดท้ายต้องดูแลช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางผ่านมาตรการต่างๆของรัฐ เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือรายกิจกรรม รายผู้ประกอบการ และจะต้องให้รักษาความสมดุลในการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อประคับประคองสถานการณ์พลังงาน และการเติบโตทางเศรษฐกิจ และเสถียรภาพการเงินการคลังให้เติบโตได้ในอนาคต ซึ่งหากเป็นภาระมากเกินไปในวันหน้าจะย้อนกลับมาที่ประชาชน จึงต้องระวังให้มากที่สุด
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธตอบคำถามว่ามาตรการช่วยเหลือด้านพลังงานที่ออกมา ถือว่ามาถูกทางแล้วใช่หรือไม่ ส่วนกรณีโฮปเวลล์ทวงเงิน 2.7 หมื่นล้านบาทนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมชี้แจงไปแล้วเมื่อวานนี้