พ.ต.อ.ประทีป เจริญกัลป์ รองเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ในฐานะโฆษก สคบ. ชี้แจงกรณีมีรายงานข่าวระบุว่ามีผู้บริโภคจำนวนมากได้รับความเสียหายกว่า 100 ล้านบาทจากกรณีที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายหนึ่งเปิดโครงการให้จองคอนโดมิเนียมตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว และมีกำหนดก่อสร้างเสร็จในเดือน มิ.ย.63 แต่จนถึงขณะนี้ยังสร้างไม่เสร็จ และไม่มีแนวโน้มว่าจะสร้างต่อ
ทั้งนี้ สคบ. ได้รับเรื่องราวร้องทุกข์ของผู้บริโภคแล้ว และจะดำเนินการช่วยเหลือตามอำนาจหน้าที่ แบ่งเป็น 3 ประเภท
1. ผู้บริโภคที่สามารถเจรจาตกลงกับผู้ประกอบธุรกิจได้
2. ผู้บริโภคที่ไม่รับข้อเสนอของผู้ประกอบธุรกิจในการคืนเงินโดยวิธีการผ่อนชำระ และมีความประสงค์ไปใช้สิทธิทางศาลด้วยตนเอง
3. ผู้บริโภคที่ไม่สามารถตกลงกับผู้ประกอบธุรกิจได้ สคบ. จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย แก้ไขเยียวยาความเสียหายให้กับผู้บริโภคต่อไป
ทั้งนี้ หากผู้บริโภคได้มีการทำสัญญาจะซื้อจะขายคอนโดกับผู้ประกอบธุรกิจแล้ว เกิดการก่อสร้างล่าช้า หรือไม่แล้วเสร็จตามสัญญาผู้บริโภคสามารถดำเนินการได้ ดังนี้
1. กรณีโครงการก่อสร้างไม่แล้วเสร็จตามสัญญา ผู้บริโภคมีสิทธิบอกเลิกสัญญา และขอเงินคืนได้ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเงินจอง เงินทำสัญญา หรือเงินดาวน์ พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย
2. กรณีโครงการก่อสร้างล่าช้า และมีเหตุที่ทำให้การก่อสร้างต้องหยุดชะงัก โดยมิใช่ความผิดของผู้ประกอบธุรกิจ ผู้ประกอบธุรกิจสามารถใช้สิทธิขอขยายระยะเวลาการก่อสร้างได้ไม่เกิน 1 ปี โดยผู้บริโภคไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญา แต่สามารถเรียกให้ผู้ประกอบธุรกิจชำระค่าปรับตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญาจนกว่าการก่อสร้างแล้วเสร็จและโอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้บริโภคได้
3. กรณีโครงการก่อสร้างล่าช้า และผู้ประกอบธุรกิจมีการขอขยายระยะเวลาการก่อสร้างเกิน 1 ปี ผู้บริโภคมีสิทธิบอกเลิกสัญญา และเรียกเงินที่ชำระไปแล้วทั้งหมดคืน พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย หรือผู้บริโภคเลือกจะใช้สิทธิรับโอนกรรมสิทธิ์ต่อไปก็ได้ โดยสามารถเรียกให้ผู้ประกอบธุรกิจชำระค่าปรับตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญา จนกว่าการก่อสร้างแล้วเสร็จและโอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้บริโภค